สภาเกษตร หวังโรงไฟฟ้าชุมชนฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

สภาเกษตร หวังโรงไฟฟ้าชุมชนฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

สภาเกษตร ขานรับนโยบาย โรงไฟฟ้าชุมชน ดันไผ่ เป็นพืชพลังงาน หวังฟื้นเศรษฐกิจฐานราก แต่กังวลปัญหาสิ่งแวดล้อม ชี้รัฐต้องควบคุมเทคโนโลยี เผาไหม้สมบูรณ์

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า นโยบายของกระทรวง​พลังงาน เช่น การสูบน้ำจากบ่อบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) พลังงานชุมชน นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรมาก เนื่องจากขณะนี้มีสินค้าเกษตรหลายชนิดที่เหมาะสมจะนำไปใช้เป็นพลังงานในการผลิตไฟฟ้า เช่น ไผ่ ที่กระทรวงพลังงานเห็นชอบในเบื้องต้นจะนำไปใช้เป็นพลังงานโดยนำไปบรรจุไว้ในแผนการผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวลด้วย โดยสภาเกษตรกรแห่งชาติจะช่วยวิเคราะห์พื้นที่ศักยภาพ ต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตามสภาเกษตรกรยังกังวลเรื่องการจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชน ด้านมลภาวะ แม้ปัจจุบันประเทศไทยมีเทคโนโลยีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์จนแทบไม่ปล่อยมลภาวะเลย ดังนั้นรัฐบาลต้องจริงจังกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งการพิจารณาให้ความเห็นชอบให้ โรงไฟฟ้าชุมชนเหล่านี้ ซื้อสินค้าจากเกษตรกรที่ปลูกพืชพลังงานในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ด้วย

ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานต้องหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ด้านเกษตรกรมีความพร้อมมากที่จะนำศักยภาพอื่นๆมาพัฒนาเป็นเศรษฐกิจของตนเอง ทั้งนี้ภาครัฐต้องเข้าใจและมีนโยบายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัญหาของเกษตรกร

“เกษตรกรทั้งประเทศให้ความสนใจเรื่องพลังงานชุมชน และคิดว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากได้ แก้ปัญหารายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเป็นรูปธรรมและยั่งยืน การขายพลังงาน ขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบไม่เคยมีปัญหาเรื่องราคาเพราะผู้ซื้อโดยเฉพาะภาคราชการเป็นผู้ซื้อหลักไม่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ขายไฟฟ้าเข้าระบบอย่างน้อยที่สุดเพื่อดูแลตัวเอง ใช้ในฟาร์มหมู ฟาร์มไก่ หากเกษตรกรทั้งประเทศใช้โมเดลนี้จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนลดต้นทุนในการผลิตของตัวเองลงได้ ที่สำคัญคือหากกระทรวงพลังงานนำเรื่องนี้เป็นนโยบายก็จะสามารถทำให้เกษตรกรในพื้นที่ชนบท มีความเข้มแข็งมากขึ้น มีเศรษฐกิจที่มั่นคงมากขึ้นได้”