ไปไหนไม่ไกล

ไปไหนไม่ไกล

ดัชนีวานนี้ปิดลดลง 1.30 จุด คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ ประกอบกับความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ

อย่างไรก็ดี ดัชนีลดช่วงลดจากที่ลบต่ำสุดกว่า 13 จุด คาดเป็นแรงรีบาวด์หลังจากร่วงแรงในวันก่อนหน้า ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,341.07 จุด (-1.30 จุด) Volume 6.4 หมื่นลบ. ต่างชาติ +229.37 ลบ. TFEX Net +5,645 สัญญา ตราสารหนี้ -4,089 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 556.79 จุด +2.13% จากแรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุ และหนึ่งในคณะผู้ว่าการของเฟดสนับสนุนการซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 19 เซนต์ +0.5% ปิดที่ 40.29 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข่าวกลุ่มโอเปกและโอเปกพลัส สามารถปฎิบัติตามข้อตกลงปรับลดการผลิตได้มากกว่า 100% ในเดือนมิ.ย.

+สหรัฐเผยดัชนี CPI ซึ่งบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดรอบเกือบ 8 ปี หลังร่วงติดต่อกัน 3 เดือน

+วันนี้เปิดลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน"

+เงินบาทอ่อนค่าในรอบ 5 สัปดาห์ แตะระดับ 31.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รั้งอันดับ 2 ในภูมิภาค

-ทั่วโลกกังวลไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบสอง สหรัฐมีตัวเลขค่าเฉลี่ย 7 วัน ของผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งกว่า 60,000 ราย ส่วนในไทยต้องจับตาผลการตรวจสอบการติดเชื้อโควิด-19 เคสใหม่

-นายกฯ สั่งปิดน่านฟ้าหาทางอุดรอยรั่วโควิดพร้อมทบทวนมาตรการผ่อนคลายต่างชาติเข้าประเทศ

-ธปท. ยันไม่ต่ออายุ "พักหนี้" หวั่นกระทบวินัยการเงิน

-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 28.67 จุด -0.83%

-ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 197.73 จุด -0.87%

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.18 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.53 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค. ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดรุกซื้อสินทรัพย์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทย ที่มีโอกาสเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 ได้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,330-1,355 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

CCP Analyst Meeting : ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด (“ซื้อเก็งกำไรราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus – บาท)

  • ผลประกอบการ 1Q63 มีรายได้รวมเท่ากับ 88 ล้านบาท +12.7%YoY เกิดจากรายได้จากการขาย การให้เช่าและการให้บริการ เพิ่มขึ้น 13%YoY เนื่องจากปริมาณการขายและราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีต้นทุนขายและบริการรวมเท่ากับ 603.04 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยเท่ากับ 15.93% ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 9.15% โดยความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากทิศทางการปรับตัวของราคาขายที่เพิ่มขึ้น และผลของการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ส่งผลให้ 1Q63  มีกำไรสุทธิ 39.94  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,255%YoY ที่มีกำไรสุทธิ 0.54 ล้านบาท
  • แนวโน้มผลงานช่วงที่เหลือของปี 63 จะเติบโตต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตยังเติบโตได้ดี ประกอบกับทยอยเข้าประมูลงานใหม่ๆ เพื่อรักษาระดับ Backlog ไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ และโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้บริษัทจะมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงเพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐานให้หลากหลาย อาทิ ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.8 พันล้านบาท +10%YoY
  • ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้ดีขึ้น จากการประหยัดต่อขนาด โดยเราคาดว่าหากไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ระลอกที่ 2 เราคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 2H20 แนะนำ ซื้อเก็งกำไร

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” (ERW CENTEL BA ASAP)
  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q20 ดี (WICE TASCO CPF)

 

หุ้นมีข่าว   

(-) MINT (Bloomberg Consensus 20.19) ปรับราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนเป็นหุ้นละ 17.50 บาท จากเดิมที่ราคาหุ้นละ 18.90 บาท เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น เปิดจอง 17-23 ก.ค.นี้ มั่นใจผู้ถือหุ้นใช้สิทธิ์เพิ่มทุนเกลี้ยง (ที่มาทันหุ้น)

ความเห็น เรามองเป็นประเด็นลบต่อราคาหุ้นเนื่องจากราคา Diluted ลดลงจากเดิม 7.4% สู่ 18.8 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลประกอบการยังถูกกดดันจากอุปสงค์การเข้าพักในโรงแรมทั้งในและต่างประเทศอยู่ในระดับจากผลประทบของ COVID-19 แต่ค่าใช้จ่ายทางการเงินทรงตัวในระดับสูงจากการเข้าซื้อ NH Hotel นอกจากนี้มีอัตรา D/E ที่สูงถึง 4 เท่า และอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่เพียง 0.8 เท่า เราแนะนำให้ชะลอลงทุน รอการฟื้นตัวของผลประกอบการก่อนเข้าลงทุนอีกครั้ง

(+) S (Bloomberg Consensus 2.12 บาท) สิงห์ เอสเตท” ร่วมกับ Food2gether เปิดตัวบริการเดลิเวอรี่สำหรับร้านในศูนย์อาหารซันพลาซา และร้านอาหารในชุมชน เพื่อสนับสนุนผู้เช่าและชุมชน คาดรองรับการเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานเอส โอเอซิส ในอนาคต (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ADVANC (Bloomberg Consensus 225.27 บาท) ADVANC ผนึก SPI จัดตั้งบริษัทร่วมทุน สห แอดวานซ์ เน็ทเวอร์ค หรือ SAN” ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ถือหุ้น 70:30 ให้บริการ Fiber Optic และ ICT Infrastructure ภายในสวนอุตสาหกรรมของ SPI และพื้นที่ EEC พัฒนาสู่ Smart Industrial ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก ผสานพลังฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) GGC (Bloomberg Consensus 10.16 บาท)  รับอานิสงส์ภาครัฐเร่งผลักดัน B10 ในเดือนตุลาคมนี้ หนุนยอดขายเติบโต คาดปริมาณขายเมทิลเอสเทอร์ปีนี้อยู่ที่ราว 4 แสนตัน ฟากโบรกมองดีมานด์ไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้น หนุนให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน B100 เพิ่มขึ้น พร้อมหนุนให้ Margin ของ B100 เพิ่มขึ้นตาม คาดกำไรพุ่งแรง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TQM (Bloomberg Consensus 118 บาท)   เชื่อดีมานด์ประกันโควิดกลับมาร้อนแรงอีก ทั้งปีคาดโกยยอดขาย 1.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจแตะ 5 หมื่นล้านบาท ปี 2569 เชื่อความต้องการทำประกันชีวิตยังเติบโตแรง เร่งปิดดีลซื้อกิจการใน Q3/2563 นี้ พร้อมเดินหน้าเจรจาร่วมทุน ลาว-กัมพูชา (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASAIN (Bloomberg Consensus 10.00 บาท)  ส่งสัญญาณ Q3/2563 โตต่อเนื่อง แนวโน้มความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงยังดี ออเดอร์ต่างประเทศไหลเข้า ส่วนอาหารแช่เยือกแข็งเริ่มฟื้นตัว ไม่หวั่นโควิด-19 กลับมาระบาดรอบ 2 เชื่อไทยปรับตัวได้ พร้อมยกระดับควบคุมกระบวนการผลิตปลอดเชื้อ ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 10%  (ที่มา ทันหุ้น)

(-) 'ศบค.จ่อล็อกดาวน์อีกครั้ง!! ลุ้น 14 วัน พบการแพร่ระบาดโควิด-19 หรือไม่ สั่งเลื่อนเปิดน่านฟ้า ทบทวนกลุ่มอภิสิทธิ์เข้าประเทศ และแบนเที่ยวบินจากอียิปต์ ด้านโรงเรียนในระยองถูกสั่งปิดยาว นักท่องเที่ยวเริ่มคืนห้องพัก บรรยากาศเงียบเหงากว่าปกติ พบกลุ่มเสี่ยงในจังหวัดเกือบ 1.5 พันคน ส่วนบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งออกหนังสือห้ามพนักงานเดินทางเข้า-ออกระยอง(ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) “วิรไท” ผู้ว่าการ ธปท. ส่งสัญญาณแบงก์พาณิชย์ปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ลงอีกจากปัจจุบันอยู่ที่ 0.23% ของฐานเงินฝาก หวังช่วยต้นทุนทางการเงินและเข้าไปอุ้มลูกหนี้ ด้านโบรกฯ มองเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ ช่วยทำให้หนี้เสียลดลง หรือช้าลง ขณะที่หุ้นแบงก์วานนี้ต่างพลิกกลับมาเป็นบวกในช่วงปิดตลาดภาคบ่าย ทั้ง KBANK SCB และ KTB (ที่มา ข่าวหุ้น)