ผู้ติดเชื้อสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

ผู้ติดเชื้อสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

วานนี้ดัชนีปิดปรับตัวลง 7.55 จุด หรือ -0.57% อย่างไรก็ดี ดัชนีดีดตัวขึ้นมาในช่วงท้ายตลาดจากระหว่างวันที่ปรับตัวลงแรงเกือบ -27 จุด

เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโซนยุโรป หลังจาก ECB ประกาศมาตรการเพิ่มสภาพคล่อง โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,325.88 จุด (-7.55 จุด) Volume 6.1 หมื่นลบ. ต่างชาติ -740.08 ลบ. TFEX Net +5,141 สัญญา ตราสารหนี้ +1,754 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 299.66 จุด +1.18% หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุนสำหรับภาคธนาคารโดยอนุญาตให้ธนาคารสหรัฐสามารถลงทุนได้มากขึ้น และ FED จะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ของ ธนาคารพาณิชย์ ในสหรัฐในสัปดาห์หน้า

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 71 เซนต์ +1.9% ปิดที่ 38.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. และรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่าจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่ แม้ยอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายรัฐเพิ่มขึ้นก็ตาม

+ ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ต่อเนื่อง 31 วันสนับสนุนสัปดาห์ศบค.เสนอปลดล็อกเฟส 5 ขณะที่สมช.เสนอต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือนคุมเข้มเปิดกิจการกลุ่มเสี่ยงให้สอดคล้องกัน

+ตลท.-TFEX ขยายเวลาใช้เกณฑ์ชั่วคราวเพื่อลดความผันผวนถึง 30 ก.ย.นี้

-สหรัฐเผย GDP Q1/63 หดตัว 5% และคาด Q2 ลดลง 30%

-สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.11 แสนลบ. ค่าเงินบาท 30.86 บาท/US

-ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 274.53 จุด -1.22% เช้าเปิด +164.58 จุด ตามทิศทางดาวโจนส์ดีดตัว

*จับตาสหรัฐเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,3387 จุด หลังเนื่องจากเฟดสั่งแบงก์สหรัฐระงับจ่ายปันผล-ซื้อหุ้นคืนใน Q3 หลังเผยผล Stress Test ส่งผลให้ฐานะการเงินของธนาคารในสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้เฟดได้ผ่อนคลายกฎการลงทุนทำให้ธนาคารสหรัฐสามารถทำการลงทุนได้มากขึ้น  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,315-1,345 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

PSTC ซื้อ ราคาเหมาะสม 2.20

  • รายงานกำไร 1Q63 ที่ 5.2 ลบ. -86% ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากรายได้จากการขาย รายได้จากการบริการ และรายได้จากการก่อสร้างลดลงจากไตรมาสก่อน 2% 54% และ 79% สู่ 367, 40 และ 59 ลบ. ตามลำดับ จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตามบริษัทมีสภาพคล่องในการดำเนินงานเพียงพอแม้จะถูกกระทบจาก COVID-19 เนื่องจากมีวงเงินในการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีก 1,000 ลบ. และมีลูกหนี้จากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยอีก  24 พันล้านบาทซึ่งเราคาดว่าจะได้รับชำระเงินภายใน 3Q63
  • โครงการท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความคืบหน้า 30% เป็นไปตามแผนแม้มีการแพร่ระบาด COVID-19 ขณะที่การย้านเข้าจดทะเบียนใน SET คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 63 หลังผ่านคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อและผู้ถือหุ้นอนุมัติรวมพาร์เป็น 0.5 บาทจาก 0.1 ในเดือนเม.ย. 63 ที่ผ่านมา
  • เราคาดว่าผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นใน 2H63 โดยได้แรงหนุนหลักจากรายได้จากการขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าสระยายโสมและโรงไฟฟ้าขุดพัดเพ็งกำลังการผลิตรวม 5.6 MW ตั้งแต่ ก.พ. 63 และคาดว่ารายได้จากการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังภาครัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 ส่งผลให้บริษัทต้องเร่งการก่อสร้างเพื่อให้ส่งมอบให้ทันตามสัญญาก่อสร้างภายไตรมาส 3/64 เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากรัฐออกแพ็กเกจกระตุ้นเที่ยวในประเทศ (ERW CENTEL AOT AAV BA ASAP)
  • หุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 (BPP TTW) 
  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)

หุ้นมีข่าว   

·         ACAP  ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) เตือนลงทุนหุ้น บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป หรือ ACAP ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี หลังผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ต่อเนื่อง ล่าสุด ยอดเพิ่มเป็น 1,885 ล้านบาท เผยหนี้สินยอดใกล้จะมากกว่าทรัพย์สิน พร้อมเสี่ยงที่หุ้นอาจถูกขึ้น SP เพื่อพักการซื้อขาย (ที่มา ทันหุ้น)

·         GRAND เล็งปิดดีลขายหุ้น ROH ที่ถือทั้งหมด 98.48% ภายในเดือน ก.ค.นี้ คาดมูลค่าขายเฉียด 6 พันล้านบาท หลังมีกลุ่มทุน 4 ราย ทั้งไทย-สิงคโปร์-ฮ่องกง เข้ามารุมเจรจาซื้อ คาดกระบวนการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/63 (ที่มา ทันหุ้น)

·         ADVANC (Bloomberg Consensus 224.82 บาท) ลุยลงทุนเครือข่าย 5G ภายใต้งบปีนี้ 35,000-45,000 ล้านบาท พร้อมผนึกผู้นำอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนร่วมช่วยฟื้นฟูประเทศไทยหลังโควิด-19 ยอมรับโควิดฉุดรายได้อุตฯ โทรคมฯ ปีนี้ลดลง แต่ลดลงน้อยกว่า GDP (ที่มา ทันหุ้น)

·         TACC (ราคาเหมาะสม 5.05 บาท) เปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ 3 รายการ ส้มเสาวรสโยเกิร์ต-ชาส้มเสาวรส-ส้มเสาวรสโซดาในช่วงวันที่ 25 มิ.ย.-31 ก.ค.นี้ พร้อมเปิดตัว อโลเวร่า ท็อปปิ้งเจาะผู้บริโภคสายเฮลท์ตี้ กระตุ้นยอดขาย (ที่มา ทันหุ้น)

ความเห็น คาดจะช่วยเร่งให้ผลประกอบการของบริษัทฟื้นตัวเร็วขึ้นในช่วง 2H63 โดยเราคาดทั้งปีผลประกอบการยังคงมีแนวโน้มเติบโต แม้มีปัจจัยลบจากสถานการณ์ COVID-19

·         THAI (Bloomberg Consensus 4.20 บาท)  ประกาศพร้อมให้บริการภาคพื้นทันทีที่สนามบินสุวรรณภูมิให้บริการได้ตามปกติ ฟาก BA แจ้งเปิดบินอีก 2 เส้นทาง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต และ สมุย-ภูเก็ตเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ พร้อมปรับลดความถี่เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เหลือวันละ 1 ไฟลต์ (ที่มา ทันหุ้น)

·         FPT ได้บรรลุข้อตกลงกับ "เซ็นทรัล วัตสัน" ผู้นำร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงามอันดับ 1 ของประเทศไทย ในการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคที่ทันสมัยในจังหวัดขอนแก่น รองรับการเติบโตธุรกิจโมเดิร์นเทรด คาดก่อสร้างเสร็จไตรมาส 1/2564 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         บอร์ด INET ไฟเขียวจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อินเทอร์เน็ตดาต้าเซ็นเตอร์ (IDCREIT) หรือ กองทรัสต์มูลค่าไม่เกิน 4.8 พันล้านบาท หวังนำเงินขยายลงทุนธุรกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างจัดเตรียมเอกสาร เพื่ออนุมัติจัดตั้งกองทรัสต์จาก ก.ล.ต. คาดธุรกรรมจะเกิดขึ้นภายในไตรมาส 1/2564 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         DOHOME (Bloomberg Consensus 10.7 บาท)  หลังปลดล็อกดาวน์ดันยอดสาขา SSSG เป็นบวกหลังติดลบมานาน มองเห็นดีมานด์ผู้รับเหมางานราชการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภาพรวมผลงานปีนี้สดใส เดินหน้าเปิด 3 สาขาครึ่งปีหลัง มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)