สว.สมชาย โพสต์ หนุน 'นายกฯ' ให้คงพรก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน

สว.สมชาย โพสต์ หนุน 'นายกฯ' ให้คงพรก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน

สว.สมชาย โพสต์ หนุน "บิ๊กตู่" ให้คงพรก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 เนื่องจากยังไม่มีวัคซีน ยกทั่วโลกติดเชื้อเพิ่มวันละ 1.6 แสนคน

วันที่ 24 มิ.ย.2563  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คุมเข้มในการเฝ้าระวังป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 โดยเรียกร้องขอให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไป  โดยมีการโพสต์ข้อความว่า

#หนุนลุงตู่อย่าการ์ดตกต้องต่อพรกฉุกเฉิน ใช้ศบค.สู้โควิด โลกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนติดเพิ่มวันละ 1.6 แสน คน เดือนละ 5 ล้านคน วันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อ สูง 9.3 ล้าน คน อีก 3 เดือน ถึง 25 ล้าน ผู้เสียชีวิต 1 ล้านคน   

ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกล้าหาญต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมศูนย์ สั่งการ 1 ฉบับ หรือจะให้มี พ.ร.บควบคุมโรค-พ.ร.บ.อื่น 30 ฉบับ

  สว.สมชาย โพสต์ หนุน \'นายกฯ\' ให้คงพรก.ฉุกเฉิน ไว้ก่อน

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ นายสมชาย ได้มีการ นำเสนอข้อมูลสถานการณ์ โควิด-19  #ข่าวดีประเทศไทยชนะแน่นอนแต่ต้องห้ามการ์ดตก  วันนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 30แล้วครับ รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563 ประเทศไทย  ผู้ติดเชื้อสะสม 3,157 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 1 ราย)


-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 30


-และมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 1 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้) รักษาหายป่วยแล้ว 3,026 ราย (95.85%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 3 ราย) ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 1 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศฟิลิปปินส์และเข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร


สถานการณ์โลกวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศบราซิลเป็นประเทศที่สองรองจากสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ในขณะที่การติดเชื้อในอาเซียนวันนี้ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียยังคงน่าเป็นห่วง


โดยประเทศอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 1,051 ราย และประเทศฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1,143 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันสูงที่สุดของฟิลิปปินส์

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)