'แอตต้า' ชงรัฐปลดล็อก ต่างชาติเที่ยวไทย ก.ค.นี้

'แอตต้า' ชงรัฐปลดล็อก ต่างชาติเที่ยวไทย ก.ค.นี้

“แอตต้า” เตรียมส่งหนังสือถึง “ประยุทธ์” จันทร์นี้ขอรัฐบาลเปิดประเทศเดือน ก.ค. ย้ำเลือกเปิดรับทัวริสต์จากประเทศที่ปลอดโรคและจัดการควบคุมโควิดได้ดี มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่พบเชื้อมาการันตีก่อนเดินทางเข้าไทย ไม่มีกักตัว หนุนภาคท่องเที่ยวฟื้นครึ่งปีหลัง

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า สมาคมฯจะส่งหนังสือยื่นข้อเสนอถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในวันจันทร์ที่ 1 มิ.ย.นี้ ให้พิจารณาเปิดประเทศเดือน ก.ค.นี้ เริ่มต้นด้วยการเลือกเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่ปลอดโรคโควิด-19 หรือสามารถบริหารจัดการควบคุมโรคนี้ได้ดี

หลังบางประเทศมีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์จำนวนหลายวันในช่วงวันที่ 26 เม.ย.-25 พ.ค.ที่ผ่านมา เช่น จีน 23 วัน ฮ่องกง 21 วัน ไต้หวัน 25 วัน เวียดนาม 21 วัน นิวซีแลนด์ 16 วัน สปป.ลาว 30 วัน กัมพูชา 28 วัน เมียนมา 13 วัน ขณะที่ญี่ปุ่น 1 วัน และเกาหลี 1 วัน

ทั้งนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นการเปิดประเทศภายใต้หลักเกณฑ์มาตรฐานใหม่ด้านสุขอนามัยเพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ประเทศไทยในฐานะเจ้าบ้านด้วย เพราะชีวิตและความปลอดภัยของคนไทยเป็นเรื่องสำคัญมากอันดับ 1 โดยแอตต้าจะเสนอให้จำกัดการเดินทาง สามารถเดินทางเฉพาะทางอากาศก่อนในช่วงแรกๆ พร้อมขอไม่ให้มีการกักกันตัวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครอยากเดินทางมา

โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าผ่านการตรวจหาเชื้อโควิดแล้วไม่พบเชื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการนำเข้าโรคโควิด-19 เข้ามาในไทย ไม่ใช่แค่ใบรับรองแพทย์ทั่วไป ถือเป็นรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ (นิวนอร์มอล) ที่นักท่องเที่ยวยอมรับได้ อย่างในประเทศจีนมีต้นทุนค่าตรวจหาเชื้อโควิดอยู่ที่คนละ 1,000-2,000 บาท ใช้เวลาตรวจเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น

“ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจึงขอวิงวอนรัฐบาลให้เริ่มพิจารณาเปิดเมือง เปิดประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยในเดือน ก.ค.นี้ หากสามารถเริ่มขยับในเดือนดังกล่าวได้จะเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเป็นช่วงที่ทั่วโลกยังไม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ประเทศไทยพร้อม หากรอนานกว่านี้จะช้าไป ประกอบกับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไทยก็จะอยู่กันไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่จัดการโรคโควิด-19 ได้ดี เพราะถ้าไทยจัดการได้ไม่ดี ถึงเราเปิดประเทศไป เขาก็ไม่มา”

นายกแอตต้า กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดให้ท่องเที่ยวแบบนี้ต้องทำทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ใช่ประเทศไทยพร้อมรับเพียงฝ่ายเดียว โดยในช่วงเริ่มต้นสมาคมฯคาดการณ์ว่าจะยังไม่มีการเดินทางผ่านกลุ่มบริษัททัวร์ น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (เอฟไอที) และนักธุรกิจก่อน

ขณะที่ภาวะปกติมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยเดือนละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน ถ้าเปิดประเทศตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป คาดในช่วงแรกน่าจะทยอยเดินทางมาเดือนละหลักแสนคนต่อเดือน และทำให้ภาคเอกชนท่องเที่ยวมีเวลาเตรียมตัวในการทำตลาด วางแผนการจัดโรดโชว์ในต่างประเทศได้ในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนกลับมาเที่ยวไทยได้ในเดือน ต.ค.นี้ โดยยังต้องติดตามว่ารัฐบาลจีนจะประกาศอนุญาตให้บริษัททัวร์นำนักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไร หลังมีคำสั่งห้ามไปเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

“การตัดสินใจเปิดประเทศเดือน ก.ค.นี้ จะช่วยทำให้ประเทศไทยได้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2563 ที่ 16 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้ปรับลดครั้งล่าสุดจากเป้าเดิม 40 ล้านคน โดยคาดว่าเป้าจำนวนต่างชาติเที่ยวไทยล่าสุดจะสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 8 แสนล้านบาทในปีนี้”

หลังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมในไตรมาสที่ 1 ปีนี้มีอยู่แล้วกว่า 6 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีนกว่า 1.2 ล้านคน สมาคมฯจึงคาดการณ์ว่าตลอดปีนี้จะมีชาวจีนมาเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน เฉลี่ยใช้จ่ายคนละ 50,000 บาท คิดเป็นรายได้เฉพาะตลาดจีนเที่ยวไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท

“ยอมรับว่าวิกฤติโควิด-19 เป็นวิกฤติที่หนักหนาที่สุดของวงการบริษัททัวร์ไทยในรอบ 60 ปีนับตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มส่งเสริมภาคท่องเที่ยว เป็นวิกฤติที่ทั้งหนัก เจ็บ และยาว โดยเบื้องต้นประเมินว่าน่าจะลากยาวประมาณ 1 ปี อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าโรคโควิด-19 จะหมดไป วัคซีนจะถูกผลิตสำเร็จได้ภายในปลายปีนี้และทำให้ผู้คนทั่วโลกกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตไปแล้ว” นายวิชิตกล่าวปิดท้าย