‘แจ็ค หม่า’ ลาออกบอร์ด ‘ซอฟท์แบงก์’ ปิดฉากร่วมบริหาร 13 ปี

‘แจ็ค หม่า’ ลาออกบอร์ด ‘ซอฟท์แบงก์’ ปิดฉากร่วมบริหาร 13 ปี

“แจ็ค หม่า” มหาเศรษฐีชาวจีนลาออกจากบอร์ดบริหาร “ซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่นในวันนี้ (18 พ.ค.) หลังมีส่วนร่วมบริหารนาน 13 ปี ขณะที่บริษัทรายงานขาดทุนรายปี 8,900 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.85 แสนล้านบาท)

บริษัทซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป แถลงว่า นายแจ็ค หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีนซึ่งวางมือจากการบริหารอาลีบาบาเมื่อปีที่แล้ว ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารของซอฟท์แบงก์แล้ว โดยเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของนายหม่า หลังร่วมนั่งบอร์ดบริหารมาตั้งแต่ปี 2550

นอกจากนี้ ซอฟท์แบงก์ได้แต่งตั้งกรรมการบริหารใหม่ 3 คน โดยในจำนวนนี้ 2 คนเป็นกรรมการอิสระ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากนักลงทุนที่ต้องการให้ซอฟท์แบงก์เพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้นและเพิ่มความแข็งแกร่งด้านบรรษัทภิบาล

นายมาซาโยชิ ซัน ประธานและผู้ก่อตั้งซอฟท์แบงก์ ร่วมลงทุนในอาลีบาบาของนายหม่าเมื่อปี 2543 ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์โลกธุรกิจ

ปัจจุบัน อาลีบาบากลายเป็นหนึ่งในบริษัทรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าตลาด 5.46 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 17.5 ล้านล้านบาท) โดยซอฟท์แบงก์ร่วมถือหุ้นอยู่ 25%

ขณะที่ซอฟท์แบงก์รายงานในวันเดียวกันว่า บริษัทขาดทุนสุทธิรายปี 8,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.85 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 15 ปี ผลพวงจากการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ประกอบกับการขาดทุนจากการลงทุนในสตาร์ทอัพ “วีเวิร์ก”

ก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่ด้านเทเลคอมและการลงทุนของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า จะขาดทุนสุทธิ 8,400 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงินสิ้นสุดเดือน มี.ค.

มีรายงานว่า ซอฟต์แบงก์ประสบภาวะขาดทุนในปีงบการเงิน 2562 ซึ่งสวนทางกับในปีงบการเงิน 2561 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.41 ล้านล้านเยน นอกจากนี้ บริษัทมียอดขาดทุนจากการดำเนินงานในปีงบการเงิน 2562 ที่ระดับ 1.36 ล้านล้านเยน ซึ่งสวนทางกับกับปีงบการเงิน 2561 ที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 2.07 ล้านล้านเยน จากยอดขาย 6.19 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 1.5%

บริษัทโนมูระ โฮลดิ้งส์ ระบุว่า ตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานของซอฟต์แบงก์ในปีงบการเงิน 2562 นับว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทนอกภาคการเงินรายอื่นๆ ของญี่ปุ่น