สัญญาณสับสน แสดงถึงความระมัดระวังของนักลงทุน

สัญญาณสับสน แสดงถึงความระมัดระวังของนักลงทุน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนจากประเด็นความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน

หลังประธานาธิปดีทรัมป์มีการสั่งให้กองทุนบำนาญลดการลงทุนในหุ้นจีน ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวเกี่ยวกับการกดดันบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ (156 บริษัท มูลค่าตลาดรวม 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีของสหรัฐฯ (จากเดิมที่ไม่บังคับ) มิเช่นนั้นอาจพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งประเด็นดังกล่าวคาดทำให้ความผันผวนระยะสั้นเพิ่มขึ้น

สัญญาณการลงทุนสับสนแสดงถึงความระมัดระวัง ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังคาดการณ์สำรองน้ำมันดิบทั่วโลกจะเริ่มปรับตัวลดลงในครึ่งปีหลัง จากอุปสงค์ที่ดีขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ ซึ่งอาจส่งผลบวกระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี อย่างไรก็ตามค่าเงินสหรัฐฯแข็งค่าขึ้นพร้อมกับการปรับเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ ประกอบกับการฟื้นตัวของหุ้นในตลาดสหรัฐฯ เกิดขึ้นในกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับขึ้นน้อยที่สุด แสดงถึงมุมมองระมัดระวังของตลาดและนักลงทุน

ติดตามการผ่อนปรนมาตรการโควิด การผ่อนปรนระยะที่สองที่คาดว่าจะเริ่ม 17 พ.ค.นี้ยังไม่มีประกาศที่แน่ชัด อย่างไรก็ตามมีการพิจารณาเปิดห้างสรรพสินค้า รวมถึงลดระยะเวลาห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) ให้สั้นลงเป็น 23.00-4.00 น. (จาก 22.00-5.00 น.) ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจบริการมีเวลาดำเนินการมากขึ้น และผ่อนคลายความแออัดในการเดินทาง แต่ยังมีแนวโน้มห้ามธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ สถานบันเทิงรวมถึงโรงภาพยนต์ ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อจิตวิทยาตลาดโดยรวม แต่คาดส่งผลดีจำกัดต่อกลุ่มห้างสรรพสินค้าและพื้นที่เช่า ที่ตอบรับประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว

แม้อาจมีปัจจัยเก็งกำไรรายตัว แต่ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่ ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดประมาณกำไรบจ.ที่ยังน่าจะต่อเนื่องกลังการประกาศผลประกอบการ ขณะที่คาดจะยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ใหม่ๆไปอีกระยะ ทำให้ภาพตลาดระยะสั้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวทรงตัว ถึงปรับลดลงจากแรงทำกำไรในกลุ่มหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก โดยเฉพาะกลุ่มไฟฟ้าที่หุ้นขนาดใหญ่ที่มีรายได้จากต่างประเทศจะได้รับผลลบจากขาดทุนค่าเงิน รวมถึงราคาหุ้นหลายตัวเริ่มเกิดสัญญาณทางเทคนิคที่อ่อนแอลง // กลุ่มที่น่าสนใจเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน ได้แก่ ประกัน TQM*, THRE*, TIP* และ หุ้นรายตัว PTL*, AJ*, STA*

ภาพรวมกลยุทธ์ เข้าสู่ช่วงผันผวนจากการประกาศงบ การเก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง โดยกรอบการเคลื่อนไหวช่วงสั้นอยู่ที่ 1250-1320 จุด// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  CPF, SSP*, JWD*

แนวรับ 1,270 / แนวต้าน : 1,290-1,300 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

ประเด็นการลงทุน

ทรัมป์ขู่ตัดสัมพันธ์จีน – ทรัมป์ขู่ตัดความสัมพันธ์กับจีนจากความไม่พอใจที่เชื่อว่าจีนอยู่เบื้องหลังการปล่อยเชื้อไวรัส Covid-19 เข้ามาแพร่ระบาดในสหรัฐฯ และอาจมีบทลงโทษต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนที่เข้ามาเปิดขายหุ้นในตลาดสหรัฐฯ

ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการคนว่างงานสหรัฐฯ สูงกว่าคาด – กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 2.981 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงกว่าตัวเลขนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ที่ระดับ 2.5 ล้านราย

คลังโยน ครม. ชี้ชะตา THAI คลังโยน ครม.ชี้ชะตา THAI ยันแผนฟื้นูกิจการไม่จำเป็นต้องยื่นล้มละลายก่อน ขณะที่ อนุทินหลุดคลังอาจไม่ค่ำประกันเงินกู้ให้ THAI เหตุสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เหมาะสม แนะจับตาการบินไทยประชุมบอร์ดวันนี้

คลังรับเศรษฐกิจไทยปีนี้หนีไม่พ้นติดลบ – คลังยอมรับเศรษฐกิจไทยปีนี้หนีไม่พ้นติดลบแม้รัฐอัดฉีดมาตรการช่วยเหลือ โดยวันที่ 18 พ.ค. สศช.จะมีการแถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 1/63 รวมถึงแนวโน้มตลอดปี 63 ขณะที่ นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติมว่า หากในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 สถานการณ์โควิดดีขึ้น การค้าขายสามารถทำได้ดีมากขึ้น การท่องเที่ยวเริ่มกระเตื้อง ก็จะเป็นปัจจัยบวกเข้ามา

ประเด็นติดตาม: 15 พ.ค. – EU GDP 1Q63, 20 พ.ค. – EU CPI เดือน เม.ย., 21 พ.ค. – US PMI เดือน เม.ย., 22 พ.ค. – EU PMI เดือน เม.ย.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)