ข่าวดี! เลขาฯ สมช. ชี้มีโอกาสขยับเคอร์ฟิว 23.00 น.

ข่าวดี! เลขาฯ สมช. ชี้มีโอกาสขยับเคอร์ฟิว 23.00 น.

"พล.อ.สมศักดิ์" เผยคลายล็อกมาตรการเฟส 2 เป็นไปตามสื่อนำเสนอ เปิดแน่ห้างสรรพสินค้า เว้น โรงภาพยนตร์ - โรงเรียนกวดวิชา แย้มข่าวดี มีโอกาสคลายเคอร์ฟิวเป็น 23.00 น.

พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เปิดเผย ภายหลัง พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุม


คณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือ ศบค. ชุดเล็กเพื่อนำมติ ที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาผ่อนคลาย การบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด -19 ) ในครั้งที่ 1/2563 เมื่อวานนี้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่า การประชุมในวันนี้ถือว่าไม่ใช่การประชุมที่เป็นทางการแต่อย่างใด ซึ่งตนนั้นประชุมตั้งแต่เมื่อวานนี้

ซึ่งทิศทางการคลายล็อกเป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอไปบ้างแล้ว โดยการเปิดห้างสรรพสินค้าอาจมีการปิดบางแผนก แต่ส่วนใหญ่จะเปิดหมดเกือบทุกกิจการภายในห้างสรรพสินค้า เว้นแต่กิจกรรมที่มีความเสี่ยง อย่างโรงภาพยนตร์ คาราโอเกะ ตู้เกมส์ โรงเรียนกวดวิชา ที่ต้องสั่งห้ามเปิดไปก่อน และทางห้างสรรพสินค้าต้องปิดภายในเวลา 21.00 น.

ส่วนการประกาศลดเวลาเคอร์ฟิวนั้น พลเอกสมศักดิ์ ระบุว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการร้องขอของผู้ประกอบการ แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศบค. ซึ่งในวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งการปรับเวลาเคอร์ฟิวจะปรับตาม กิจกรรมหรือกิจการที่คลายล็อกออกมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งจะไม่มากไปกว่าเดิม

ทั้งนี้พลเอกสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเลื่อนขยายประกาศเคอร์ฟิว จาก 22.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00 -04.00 น.แต่ท้ายที่สุดต้องรอความคิดเห็นในที่ประชุมก่อน ซึ่งผลที่ออกมาจะเป็นบวกอย่างแน่นอน และเคอร์ฟิวเองจะไม่เข้มข้นไปกว่าเดิม

ซึ่งขณะนี้เองยังคงห่วงสถานการณ์ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดน้อยลง แต่ยังไม่สามารถวางใจได้ เนื่องจากมีอีกหลายประเทศหลังการคลายล็อกจะมีการติดเชื้อในระลอกที่ 2 ซึ่งจะยิ่งยากต่อการควบคุม โดย ศบค.เองจะค่อยๆคลายล็อกในแต่ละเฟสด้วยความระมัดระวังที่สุด รวมไปถึงยังห่วงประชาชนหลังการคลายล็อกในเรื่องความหย่อนยานมาตรการป้องกันตนเอง และการมั่วสุมชุมนุมกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองจะลงไปตรวจเข้มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะสถิติที่พบไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นยังคงมีอยู่ แต่ยังเชื่อว่าส่วนคนส่วนใหญ่ในประเทศให้ความร่วมมือดีจึงต้องมีการผ่อนปรนมาตรการลง

ด้านการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดจะยังเข้มข้นเช่นเดิมหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาคลายล็อกในกิจการต่างๆวันพรุ่งนี้มาพิจารณาร่วมเช่นกัน ว่าจะคงเดิมหรือผ่อนคลายลง