เสียงประชาชนสะท้อนเยียวยาค่าไฟ และ พักหนี้แบงก์โขกดอกเบี้ยหนัก

เสียงประชาชนสะท้อนเยียวยาค่าไฟ และ พักหนี้แบงก์โขกดอกเบี้ยหนัก

การเยียวยาค่าไฟ ปรับแก้มาถูกทางแล้ว แต่มาตรการพักชำระหนี้สิน แบงก์ยังโขกอัตราดอกเบี้ยจากยอดเต็มเงินต้น เหมือนไม่เห็นใจทุกข์โควิด

วันที่ 22 เม.ย.63 เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากลูกหนี้สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ยื่นขอพักชำระหนี้ค่างวดรถยนต์ต่อทางสถาบันการเงิน ตามนโยบายการพักชำระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยและรัฐบาล หลังจากประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโรคระบาดติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ต่อมาได้รับการพิจารณาให้หยุดพักชำระหนี้ได้ เป็นจำนวน 5 งวด

แต่ทางธนาคารกลับยังคงคิดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ในช่วงระหว่างการพักชำระหนี้เป็นจำนวน 5 เดือน ตามยอดจริงของเงินต้น เป็นเงินจำนวนสูงถึงเกือบ 6 พันบาท หรือเกือบเท่ากับจำนวนค่างวด 1 งวดที่ต้องผ่อนชำระรายเดือนที่จำนวน 6,559 บาท ทั้งที่ในระหว่างการผ่อนชำระหนี้มาตลอดระยะเวลา 4 ปี หรือ 48 งวดผู้เช่าซื้อรถไม่เคยผิดสัญญาการชำระหนี้ และยังคงเหลือค่างวดที่ยังต้องผ่อนชำระอีกเพียงแค่ 36 งวด ตลอดสัญญา 7 ปี


จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ให้สถาบันการเงินมีการพักชำระหนี้ดังกล่าว ไม่ได้ช่วยส่งผลอะไรอย่างเป็นรูปธรรมต่อลูกหนี้ ที่ยังคงต้องถูกคิดอัตราดอกเบี้ยสูงจากเงินต้นแบบเต็มจำนวน และเป็นภาระที่บวกเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่ากับค่างวดถึง 1 งวด ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ที่เกิดขึ้น ในทำนองเดียวกันกับค่าใช้ไฟฟ้า


ในช่วงแรกนั้น รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือลดค่าใช้ไฟฟ้าให้แก่ประชาชนเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ และยังจำกัดขนาดมิเตอร์ในการให้การช่วยเหลือแบบเต็มจำนวน 90 หน่วย แค่เฉพาะบ้านเรือนขนาดเล็กเพียง 5 แอมแปร์เท่านั้น แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับมีภาระค่าใช้ไฟฟ้าที่แพงสูงขึ้นมากกว่าส่วนลดที่ได้รับ จากการหยุดทำงานอยู่กับบ้าน