KBANK ร่วม กะตะธานี-กะตะกรุ๊ป เปิด‘เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ’อุ้มพนักงาน 1.5หมื่นคนทั่วปท.ไม่ให้ตกงาน

KBANK ร่วม กะตะธานี-กะตะกรุ๊ป เปิด‘เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ’อุ้มพนักงาน 1.5หมื่นคนทั่วปท.ไม่ให้ตกงาน

กสิกรไทยจับมือ 2 เครือโรงแรมใหญ่กะตะธานี และกะตะกรุ๊ป นำร่องโครงการ "เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ" หวังต่อยอดช่วยพนักงานทั่วประเทศ 15,000 คน ไม่ให้ตกงาน

        นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับผลกระทบกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ พนักงาน และประชาชนทั่วไป ซึ่งหนทางที่จะช่วยให้พวกเราทุกคนผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ คือ การร่วมมือร่วมใจ และให้การข่วยเหลือซึ่งกันและกัน

     จึงได้ริเริ่มโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ" ขึ้นมา ซึ่งเป็นโครงการที่มีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่มีรายได้น้อยให้สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ตอนนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารและธุรกิจ ด้วยการลดดอกเบี้ยและเพิ่มเงินทุนให้กับธุรกิจ เพื่อช่วยให้มีกำลังจ้างพนักงานให้มีงานทำต่อเนื่อง มีรายได้ พร้อมช่วยลดภาระหนี้ต่าง ๆ

      ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในช่วงนำร่องมี 2 ราย คือ โรงแรมในเครือกะตะธานี และเครือกะตะกรุ๊ป ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นเครือโรงแรมขนาดใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต และอยู่ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากโรคโควิด-19 แต่ทั้ง 2 โรงแรมมีความรับผิดชอบในการดูแลพนักงานทุกคน โดยไม่มีการเลิกจ้าง หรือให้หยุดงานโดยไม่รับเงินเดือน ในจังหวัดภูเก็ตมีผู้ประกอบการ 127 รายที่สามารถเข้าร่วมโครงการ

    ซึ่งธนาคารใช้งบประมาณช่วยเหลือ 100 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยพนักงาน 3,000 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือน และเตรียมขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ โดยตั้งเป้างบทั้งโครงการราว 500 ล้านบาท ช่วยพนักงานได้ราว 15,000 คน

     นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารคาดหวังว่าความช่วยเหลือภายใต้โครงการนี้ จะสามารถช่วยเหลือพนักงานให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ และจะขยายผลโครงการไปยังจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป ​

       นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะธานี เปิดเผยว่า ทุกวิกฤตที่ผ่านมาถือว่าเป็นโอกาส ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนได้เรียนรู้และแข็งแกร่งขึ้น วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรโลก ทุกประเทศในโลกต้องเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข การแพทย์ การศึกษา และการบริหารจัดการประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ต่อสู้กับวิกฤตต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา นับจากนี้ไปเป็นโอกาสดีของคนไทยทุกภาคส่วนที่จะต้องทิ้งความคิดแบบเดิม ๆ และวิถีเดิม ๆ เพื่อเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลง

      นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป เปิดเผยว่า พนักงานเป็นทรัพย์สินอันทรงคุณค่าของธุรกิจ ไม่เคยคิดเลิกจ้างพนักงาน ในสถานการณ์ปกติพนักงานช่วยทำงาน สร้างความมั่งคั่งให้ธุรกิจ ในยามเจอวิกฤตก็ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน เพราะเชื่อมั่นว่ายามที่พนักงานลำบาก แล้วเจ้าของไม่ทอดทิ้ง คอยประคับประคองให้เขาอยู่ได้ เมื่อวันที่โรงแรมกลับมาเปิดอีกครั้ง พนักงานทุกคนจะกระตือรือล้น มุ่งมั่นและรักในองค์กรมากขึ้น จึงอยากแนะนำให้องค์กรต่าง ๆ รักษาพนักงาน ช่วยเหลือและอย่าทอดทิ้ง ขณะนี้มีเพียงธนาคารแห่งเดียว คือ ธนาคารกสิกรไทยที่เล็งเห็นความสำคัญของพนักงาน นี่คือคุณธรรมล้ำเลิศของผู้บริหารธนาคาร

       การช่วยเหลือภายใต้โครงการดังกล่าว ธนาคารจะติดต่อลูกค้าผู้ประกอบการเพื่อเชิญเข้าร่วมโครงการ โดยมีรายละเอียดของมาตรการช่วยเหลือทางการเงินทั้งด้านธุรกิจและพนักงาน ดังนี้

มาตรการช่วยเหลือธุรกิจมาตรการช่วยเหลือพนักงาน

วงเงินสินเชื่อเดิม

  • ลดดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน
  • พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน

วงเงินสินเชื่อใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและดูแลพนักงาน

  • สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ

 

บัตรเครดิตกสิกรไทย และบัตรเงินด่วน

  • ลดดอกเบี้ย 6% ถึงกันยายน 2563
  • พักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย ถึง ธันวาคม 2563

สินเชื่อเงินด่วน

  • ลดดอกเบี้ย 6% ถึงกันยายน 2563
  • พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน

สินเชื่อบ้าน

  • พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน

สินเชื่อรถยนต์

  • พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน