ธปท.เตรียมชง ครม.อังคาร ออก พรก.2 ฉบับ ปล่อยซอฟต์โลน ซื้อตราสารหนี้เอกชน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เห็นชอบมาตรการเยียวยาและลดผลกระทบจากการะบาดของโรคโควิด-19 โดยได้เสนอ คือ 1.มาตรการเยียวยาภาคประชาชนและภาคธุรกิจในส่วนที่ขาด 2.มาตรการสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยหยุดชะงัก

3.มาตรการดูแลภาคเศรษฐกิจการเงิน เพราะทุกครั้งที่กระทบภาคเศรษฐกิจจริงจะกระทบภาคเศรษฐกิจการเงิน

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการที่จะออกมาจะดูแล 1.ประชาชนจะเริ่มดูแลกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการลูกจ้างในระบบประกันสังคมและอาชีพอิสระ รวมทั้งดูแลลดภาระการผ่อนสินเชื่อเพิ่มเติมจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาแล้ว เพื่อให้ครอบคลุมสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิยช์ (นอนแบงก์)

2.การดูแลโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมจะครอบคลุมงบประมาณที่ใช้ต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะมีการดูแลเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งต้องดูแลเพราะเมื่อแรงงานกลับสู่พื้นที่จะทำให้สภาพเศรษฐกิจเลี่ยนไปและทำให้ประชาชนไม่น้อยยังอยู่ในพื้นที่ โดยจะดูแลการสร้างโอกาสและสร้างทักษะให้กับประชาชน เพื่อสร้าความเข้มแข็งให้ชุมชนไปพร้อมกับเศรษฐกิจประเทศ รวมทั้งจะต้องมีการดูแลการลงทุนภาครัฐเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

3.การดูแลผู้ประกอบการที่มีภาระด้านสินเชื่อ ซึ่งจะมีมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ก่อนหน้านี้

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ธปท.ทำงานร่วมกับสถาบันการเงิน เช่น การออกมาตรการดูแลประชาชนรายย่อย มาตรการสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี แต่ผลกระทบอาจมีมากขึ้นจึงมีการขยายพักเงินต้นและดอกเบี้ยให้เอสเอ็มอีที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

รวมทั้งผู้ประกอบการขาดเงินทุนหมุนเวียนทำให้ ธปท.เตรียมเสนอ ครม.ให้ออกพระราชกำหนดให้ ธปท.ทำโครงการซอฟต์โลน คล้ายปี 2555 จะเสนอ ครม.วันที่ 7 เม.ย.นี้

นอกจากนี้ สถาบันการเงินของไทยมีความเข้มแข็ง แต่ตลาดการเงินต้องทำหน้าที่ให้ได้ตามปกติ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เตรียมการดูแล โดยศึกษามาตรการของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยจะขอให้ออกพระราชกำหนดให้ ธปท.ซื้อตราสารที่ครบกำหนดการชำระ แต่ต้องเป็นตราสารที่ออกโดยบริษัทที่มีคุณภาพดี