CPALL - ถือ

CPALL - ถือ

ประมาณการ 1Q63: กำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL ใน 1Q63 จะอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท (-2% YoY and -8% QoQ) เนื่องจาก SSSG อ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจ และแคมเปญงดแจกถุงพลาสติก โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q63 จะคิดเป็น 24% ของประมาณการกำไรปีนี้ทั้งปีของเรา

lmpact

SSSG จะติดลบ

จากข้อมูลในอดีต SSSG ของ CPALL ต่ำกว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยโดยเฉลี่ย 0.8% นับตั้งแต่ 1Q56 (Figure 2 - 3) เนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่า GPD ของไทยปีนี้จะติดลบ ~3% ใน 1Q63 ดังนั้น เราจึงคาดว่า SSSG ของ CPALL จะอยู่ที่ -3.5% (ต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาส ตั้งแต่ 4Q57) สอดคล้องกับที่ผู้บริหารบอกไว้ในการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดว่า SSSG ติดลบในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ นอกจากนี้ การที่ Covid-19 ระบาดโดยเฉพาะในเดือนมีนาคม ทำให้เราคาดว่าโมเมนตั้มของการขยายสาขาใหม่จะลดลงเหลือเพียง 150 สาขา จาก 311 สาขาใน 1Q62

SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาร้านที่ platform ใหญ่ และการปรับมาตรฐานบัญชี

เราคาดว่า SG&A จะเพิ่มขึ้น 6% YoY (เป็น 19.6% ต่อยอดขาย จาก 19.2% ใน 1Q62) เนื่องจาก i) การขยายสาขาร้านที่มี platform ใหญ่ และ ii) การใช้มาตรฐานบัญชี TFRS 16 (บริษัทบอกว่า TFRS 16 จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเช่าเพิ่มขึ้น 3-5% หรือปีละ ~400 ล้านบาท) เราคาดว่า EBIT margin จะลดลงเหลือ 6.2% จาก 6.6% ใน 1Q62 สะท้อนถึงยอดขายที่อ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจ

ทั้งประมาณการกำไรและราคาเป้ าหมายยังมี downside อีก

ราคาหุ้น CPALL ตกลงมา ~15% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้มี upside ถึงราคาเป้าหมายของเราที่ 83.00 บาทอีกเกือบ 40% แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่าทั้งประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของเรายังมี downside อีกจาก i) การซื้อ Tesco (ทำให้ประมาณการกำไรปีนี้มี downside 10.4% และราคาเป้าหมายมี downside 13% ในกรณีฐาน: Figure 6) และ ii) การปิดร้านในช่วงกลางคืน (ทำให้ประมาณการกำไรปีนี้มี downside 5%: Figure 8) ซึ่งโดยรวมแล้ว เรามองว่าประมาณการกำไรปีนี้ของเรายังมี downside อีก 15% ซึ่งจะฉุดให้ EPS ปี 2563 เหลือ ~2.20 บาท คิดเป็น PER ที่ 27.4x (-0.75 S.D.) จากราคาปิดล่าสุด

Valuation & Action

จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนบวกกับสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจึงแนะนำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยเรามองว่า downside ของกำไรทำให้ราคาหุ้นดูค่อนข้างแพง ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย DCF สิ้นปี 2563 ที่ 83.00 บาท โดยใช้
WACC ที่ 8.0% R(f) ที่ 3.1% และ T(g) ที่ 2.5%

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าที่คาดไว้ เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่ เสียเครื่องหมายการค้า 7-Eleven ไป และความเสี่ยงด้านการขนส่งสินค้า