จีนอัดฉีดเงิน5หมื่นล้านหยวนบรรเทาผลกระทบโควิด-19

จีนอัดฉีดเงิน5หมื่นล้านหยวนบรรเทาผลกระทบโควิด-19

จีนอัดฉีดเงิน5หมื่นล้านหยวนบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ขณะบรรดาผู้นำจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสระบาด

ธนาคารกลางจีน ประกาศฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารวงเงิน 5 หมื่นล้านหยวน (7.1 พันล้านดอลาร์) ผ่านการทำข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.พร้อมกันนี้้ ธนาคารกลางจีนยังปรับอัตราดอกเบี้ย reverse repo ประเภทอายุ 7 วันลงสู่ระดับ 2.20% จากระดับ 2.40%

ทั้งนี้ reverse repo เป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากบรรดาผู้นำของจีนส่งสัญญาณว่า จีนกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน นั้น หน่วยงานสาธารณสุขของจีน ยืนยันวานนี้ (30มี.ค.)ว่าการใช้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการนำเข้าของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มากับพาหะที่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงของการระบาดภายในประเทศครั้งใหม่ให้มากที่สุด

"หมี่ เฟิง" โฆษกคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีน แถลงว่าภายในรอบ 7 วันที่ผ่านมา มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอย่างน้อย 313 คน และมีผู้ป่วยใหม่จากการติดเชื้อภายในประเทศเพียง 6 คนเท่านั้น ภายในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งในทางทฤษฎี ถือว่ากระบวนการคัดกรองโรคของรัฐบาลปักกิ่งยังคงมีประสิทธิภาพ

ขณะที่สถิติผู้ป่วยใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงวันจันทร์(30มี.ค.) พบเพิ่มอีก 31 คน เป็นการติดเชื้อภายในประเทศเพียงคนเดียว ส่วนจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 81,470 คน ด้านสถิติผู้เสียชีวิตสะสมมีอย่างน้อย 3,340 คน เพิ่มขึ้น 4 คน และจำนวนผู้ที่หายป่วยแล้วมีอย่างน้อย 75,770 คน

อย่างไรก็ตาม เอ็นเอชซี ยอมรับว่า การที่ตลอดทั้งเดือนนี้จีนตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นการเดินทางมาจากต่างประเทศแล้วอย่างน้อย 693 คน หมายความว่ายังมีความเป็นไปได้สูง ที่จะเกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่ โดยพบในกรุงปักกิ่งมากที่สุด ซึ่งนายซู่ เหอเจียน โฆษกสำนักงานเทศบาลกรุงปักกิ่ง กล่าวว่ายังไม่มีความจำเป็นสำหรับเมืองหลวงของจีนที่จะยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการใดเป็นพิเศษ เนื่องจากยังไม่มีใครสามารถกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนได้ ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อใด และขอให้ชาวกรุงปักกิ่งงดการเดินทางที่ไม่จำเป็นไม่ว่าเป็นการเดินทางภายในพื้นที่ หรือออกจากพื้นที่

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. กระทรวงการคลังของจีน ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 4,700 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 โดยกระทรวงการคลังของจีน ระบุว่าหน่วยงานรัฐบาลจีนทุกระดับได้จัดสรรงบประมาณ 110,000 ล้านหยวน เพื่อภารกิจป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 โดยงบประมาณจำนวนนี้ถูกนำไปใช้ในภารกิจต้านไวรัสแล้ว 71,400 ล้านหยวน คงเหลืออีก 39,500 ล้านหยวน

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังปรับลดอัตราดอกเบี้ย Medium-term Lending Facility (MLF) ลงเหลือ 3.15% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repo) อายุ 7วันและ14วันลง10bps พร้อมทั้งอัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 1.2 ล้านล้านหยวนเข้าสู่ตลาดการเงิน

ส่วนเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ก็อนุมัติมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณ 120,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ครอบคลุมถึงมาตรการการแจกเงินสด 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง/คน ส่วนธนาคารกลางฮ่องกง ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% อยู่ที่ระดับ 1.5% เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่นเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และรัฐบาลจีนตลอดจนฝ่ายบริหารของมณฑลหูเป่ย์ ตัดสินใจที่จะยกเลิกมาตรการปิดเมืองอู่ฮัน ในวันที่ 8 เม.ย. นี้ ซึ่งจะทำให้ชาวเมืองหูเป่ย์ และชาวเมืองอู่ฮั่นสามารถออกจากเมืองได้หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อในเมืองอูฮั่น และ หูเป่ยได้ลดลงเหลือ 0 เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา

  สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 .ในประเทศจีนมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่รัฐบาลจีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่น และมณฑลหูเป่ย์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นตัวเลขผู้ป่วยในมณฑลหูเป่ย์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารของมณฑลหูเป่ย์ได้อนุญาตให้ผู้ที่อาศัยในเขตพื้นที่ความเสี่ยงต่ำและมีสุขภาพดีสามารถเดินทางออกไปทำงานนอกเขตมณฑลหูเป่ย์ได้

เจ้าหน้าที่ของจีนพยายามอย่างหนักที่จะลดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศจีนให้ได้มากที่สุด และเริ่มทำการเปิดเมืองต่างๆอีกครั้ง รวมถึงการวางมาตรการรับมือหากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนอีกครั้ง นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังประกาศมาตรการผ่อนคลายกฎการจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กหลายล้านแห่งรอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ด้วย

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2563 ลงสู่ระดับ 5.6% โดยลดลง 0.4% จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค. เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และว่า จากเส้นฐานปัจจุบันของไอเอ็มเอฟ เศรษฐกิจจีนอาจจะกลับสู่ภาวะปกติได้ในไตรมาสที่ 2

นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ มีความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกว่า มีแนวโน้มจะฟื้นตัวเล็กน้อย โดยจะเติบโต 3.3% ในปีนี้ เทียบกับ 2.9% เมื่อปีที่แล้ว แต่การฟื้นตัวที่คาดการณ์ไว้นั้น ยังมีความเปราะบางมาก ในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัสในหลายประเทศ