ภูเก็ต เปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 5 ราย เป็นจีน 2 ราย หายกลับประเทศแล้ว

ภูเก็ต เปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 5 ราย เป็นจีน 2 ราย หายกลับประเทศแล้ว

ภูเก็ต เปิดตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 แล้ว 5 ราย เป็นจีน 2 ราย หายกลับประเทศแล้ว ยังเหลือรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 ราย เป็นครอบครัวชาวเดนมาร์ก ทุกรายอาการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 63 ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์รับมือโรคติดเชื้อไวรัสโควิค-19 พร้อมแถลงสถานการณ์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิค-19 ผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังและผู้สังเกตอาการ โดยมีรองผู้ว่าฯ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ทั้งนี้ได้มีการสรุปสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในจังหวัดภูเก็ต พบแล้ว 5 ราย โดยเป็นรายแรกชาวจีน อายุ 32 ปี นักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่น ได้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 14 ราย พบว่าทุกคนผลเป็นปกติ และได้กักตัวครบ 14 วันแล้ว, รายที่ 2 เป็นชายชาวจีน 35 ปี เป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งได้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 51 คน ทุกคนผลเป็นปกติ และได้กักตัวครบ 14 วันแล้ว โดยผู้ติดเชื้อชาวจีนทั้ง 2 ราย มีการรักษาหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนรายที่ 3-5 เป็นครอบครัวนักท่องเที่ยวจากประเทศเดนมาร์ก พ่อ แม่ และลูกอายุ 7 ปี ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังได้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด 32 ราย เบื้องต้นไม่พบเชื้อ แต่ยังอยู่ระหว่างกักตัวให้ครบ 14 วัน

สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม(มกราคม-20 มีนาคม 63) จำนวน 519 ราย จากการตรวจสอบไม่พบเชื้อและกลับบ้านแล้ว 491 ราย ยังคงอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการจำนวน 28 ราย ในจำนวนนี้ทราบผลแล้ว 3 ราย จึงเหลือยังรอผลอีก 25 ราย นอกจากนี้มีการคัดกรองผู้เดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ต จำนวน 1,164,903 คน และท่าเรือ 38,327 คน (ตัวเลขสะสม)

อย่างไรก็ตาม ก่อนจบการแถลงข่าว นายภัคพงศ์ ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมให้กำลังใจทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักในการดูแลและเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่องด้วยน้ำเสียงเครือๆ พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในฐานะตัวแทนทีมบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดภูเก็ตเนื่องจากมองว่า ขณะนี้กำลังใจให้กับผู้ทำงานเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งยังขอให้อย่าเชื่อข่าวลือ โดยขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะมีการแชร์ข้อมูลต่างๆ เพื่อจะได้ไม่เป็นการบั่นทอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้ฝ่าพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันได้