ค่าฝุ่น PM 2.5 เชียงรายพุ่งสูงทะลุ 300 มคก./ลบ.ม.

ค่าฝุ่น PM 2.5 เชียงรายพุ่งสูงทะลุ 300 มคก./ลบ.ม.

คพ.คาดมีฝุ่นควันข้ามแดนพัดเข้ามาเพิ่มเติมสถานการณ์ไฟป่าในประเทศ

โดยการติดตามคุณภาพอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของกรมมลพิษตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่ายวันนี้ พบพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพที่ค่าฝุ่นฯสูงเกิน 100 มคก./ ลบ.. เพิ่มขึ้นอีก 1 พื้นที่ โดยสองพื้นที่คือ ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ ตำบลจองคำ อำเภอ เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีค่าฝุ่นฯ มีค่าคุณภาพอากาศ 462 และ 361 และค่าฝุ่นฯ 326 และ 255 มคก./ลบ.ม ตามลำดับ โดยไต่ระดับขึ้นมาจากในช่วงสาย

ในขณะเดียวกัน จังหวัดเชียงใหม่ ก็พบค่าคุณภาพอากาศสูงเกินกว่า 200 เช่นเดียวกัน และถูกจัดอันดับโดย AirVisual เป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่เป็นอันดับ 1 ของโลกในช่วงเช้าอีกครั้งที่คุณภาพอากาศในช่วงสายที่ 291 US AQI

158408152017

ในภาพรวม พื้นที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานยังคงขยายตัวกว่า 20 พื้นที่ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีส้ม 15 พื้นที่ คือพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และ พื้นที่สีแดง 6 พื้นที่ดังกล่าว

โดย คพ. ระบุคุณภาพอากาศมีค่าอยู่ในเกณฑ์ “ปานกลาง – มีผลกระทบต่อสุขภาพ” ทั้งนี้ มีค่า PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ระหว่าง 39 - 326 มคก./ลบ.. (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ..)

รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ดูแลรับผิดชอบวอร์รูมติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า จากการติดตามจุดความร้อน และที่ได้รับรายงานจาก ศูนย์เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาแห่งอาเซียนประเทศสิงคโปร์ พบว่า ค่าฝุ่นฯ ทางภาคเหนือที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงเช้าจนถึงบ่ายวันนี้ น่าจะมีสาเหตุมาจากฝุ่นควันข้ามพรมแดน หลังจากที่จุดความร้อนในจังหวัดในภาคเหนือไม่ได้เพิ่มขึ้นจากวันก่อนๆ  แต่อย่างใด อาทิ ที่เชียงรายและแม่ฮ่องสอนยังคงมีจุดความร้อนอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าจุด ในขณะที่ศูนย์ฯ รายงานพบกลุ่มควันข้ามพรมแดนจากลาวและพม่าเข้ามาปกคลุมทางภาคเหนือของประเทศไทย

นายเถลิงศักดิ์ กล่าวว่า ทางอาเซียนได้ยกระดับสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนเป็นช่วงวิกฤติมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อแจ้งให้ประเทศที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการควบคุมไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นในประเทศของตน แต่สถานการณ์ยังคงรุนแรงอยู่ในเวลานี้

ประกอบกับไฟป่าที่ยังคงเกิดขึ้นในประเทศ ภาคเหนือจึงยังประสบกับสถานการณ์ฝุ่นควันที่วิกฤตในเวลานี้ นายเถลงิศักดิ์กล่าว

นายเถลิงศักดิ์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้สั่งการขอให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกองทัพ ให้การสนับสนุนระดมทรัพยากรและเครื่องมือในพื้นที่ภาคเหนือ หรือจากส่วนกลางหากจำเป็น เข้าไปช่วยเสริมการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือเป็นการเร่งด่วน หลังจากยังพบค่า PM 2.5 ในพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดต่างๆ สูงเกินมาตรฐาน โดยเฉพาะ จว.เชียงใหม่

จากการเปิดเผยของ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รอง นรม. เรองนายกฯ ได้ ขอให้จัดกำลังภาคพื้น ทำงานร่วมกับจิตอาสาและกลไกองค์การปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ สนับสนุนศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่อย่างใกล้ชิด กระจายเสริมเข้าไปควบคุมไฟป่าในทุกจุดความร้อนที่เกิดขึ้น เพื่อหยุดไฟที่เกิดขึ้นในทุกจุดโดยเร็ว รวมทั้งขอให้พิจารณาร่วมกันฟื้นฟูความเสียหายในแต่ละพื้นที่ควบคู่กันไป

ขณะเดียวกัน ขอให้ใช้ทุกช่องทางทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ ร่วมเฝ้าระวัง คุมเข้มมาตรการทางกฎหมายและการป้องกัน ร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อมิให้เกิดปัญหาไฟป่าในจุดต่างๆขึ้นอีก

ทั้งนี้ การจัดการควบคุมสถานการณ์ฝุ่นควันทางภาคเหนืออยู่ในการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 เพราะจำเป็นต้องมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการรายงานเข้ามายังส่วนกลางเป็นระยะ

ทั้งนี้ ค่าคุณภาพอากาศและค่าฝุ่นฯทางภาคเหนือพุ่งสูงถึง 340 และ 189 มคก./ลบ.. ตั้งแต่ต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นรอบที่สามของปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษกล่าวว่า เป็นผลเนื่องมาจากการเผาป่าและการเผาไร่จากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะเห็นจัดความร้อนขึ้นทางท่าขี้เหล็กประเทศพม่า เป็นต้น

โดยภาคเหนือเผชิญกับความรุนแรงจากฝุ่น PM 2.5 เป็นระลอกนับตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา เลื่อมกับกรุงเทพมหานครที่เริ่มผ่อนคลายลง โดยข้อมูลจากแอพพลิเคชั่น AirVisual ที่วัดและแสดงผลค่าฝุ่นละอองทั่วโลก แสดงผลสอดคล้องกับข้อมูลที่ประมวลโดยกรมควบคุมมลพิษ