ถอดรหัสดัชนี ‘1พันจุด’ เอาอยู่ไหม?

ถอดรหัสดัชนี ‘1พันจุด’ เอาอยู่ไหม?

สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยเวลานี้ เรียกว่าเข้าสู่ขั้น “วิกฤติ” โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน(12มี.ค.63) ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงมาแล้ว 464.93 จากระดับ 1,579.84 ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 1,114.91 หรือลดลง 29.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี

ขณะที่ในช่วงสัปดาห์นี้ (9-12 มี.ค.2563) เพียงสัปดาห์เดียว ดัชนีหุ้นไทยดิ่งลงกว่า 249.66 หรือ 18.3%

“มงคล พ่วงเภตรา” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์(บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นในปัจจุบันถือว่า "ไม่ปกติ" เพราะความหวาดกลัวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ทำให้คนตกใจสูงและมีการขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมาจำนวนมาก โดยเชื่อว่าวันนี้ถือเป็นอีกวันในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นโลกที่ถือว่าร้ายแรงที่สุด หากเทียบกับวิกฤติครั้งก่อนปี 2540

ส่วนแนวโน้มหุ้นไทยจะ “ลงต่อ” หรือไม่นั้น โดยส่วนตัวยังตอบไม่ได้ เพราะสถานการณ์ยังประเมินยาก หากมีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม เชื่อว่าดัชนีคงปรับลดลงได้ต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันนักลงทุนมีความตื่นตระหนกมากกว่าที่จะมองถึงปัจจัยพื้นฐานของตัวหุ้น ทำให้พร้อมที่จะเทขายหุ้นออกมา

มงคล ระบุว่า ในเชิงเทคนิค คาดว่าแนวรับต่อไปอยู่ที่ 1,028 จุด ส่วนจะไหลลงจนต่ำกว่าระดับ 1,000 จุด หรือไม่ ยังไม่กล้าฟันธง เพราะหากดูสถิติในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การที่ดัชนีปรับลดลงถึง 40% จากจุดสูงสุด ถือว่าลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว จึงเชื่อว่าเวลานี้นักลงทุนทั้งตลาดน่าจะ “ขาดทุน” กันหมด

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะชะลอการไหลลงแรงของตลาดหุ้นไทยคาดว่ามี 4 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1.ตลาดหุ้นต่างประเทศมีทิศทางที่หยุดการปรับตัวลดลง 2.ประเทศต่างๆมีการจับมือกันออกมาตรการร่วมกัน,3.มีการคนพบวัคซีนหรืออุปกรณ์ตรวจจับโรค และการติดเชื้อถึงขั้นจุดพีคไปแล้ว

“กวี ชูกิจเกษม” รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ระบุว่า ดัชนีน่าจะอยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่อง เพราะหากเทียบกับวิกฤติครั้งก่อน ตลาดมักปรับลดลงประมาณ 30-50% จึงประเมินว่ารอบนี้ ดัชนีก็อาจยังปรับลดลงได้อีก ซึ่งถ้าดัชนีลดลงถึง 50% จากจุดสูงสุด เท่ากับว่า ตลาดหุ้นไทยจะไปเจอกันที่ระดับต้นๆ 900 จุด ซึ่งก็มีโอกาสที่จะเกิดได้เช่นกัน 

อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวเชื่อว่ารอบนี้คงไม่ลงไปลึกถึงระดับ 80% เหมือนช่วยวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะด้วยฐานะการเงินของประเทศที่แข็งแกร่ง ไม่ได้ย่ำแย่ อีกทั้งสภาพคล่องในประเทศก็สูง รวมทั้งภาคเอกชนก็ยังมีความเข้มแข็ง จึงน่าจะจำกัดดาวน์ไซด์ลง 

“วิกฤติต้องใช้เวลา แต่สุดท้ายมันก็จะผ่านไป ซึ่งช่วงนี้ควรเป็นจังหวะการเข้าลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาวที่ถือโอกาสนี้ที่จะเริ่มทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดีๆ”

ส่วน “สุนทร ทองทิพย์” ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า สถานการณ์ตอนนี้เป็นลักษณะตกใจขาย(แพนิกเซลล์) ซึ่งไม่มีคำอธิบายในเชิงพื้นฐาน ถือว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เพราะตอนนี้คนกลัวจึงขายโดยไม่ดูพื้นฐานไปแล้ว ทั้งนี้มองว่าดัชนีฯหุ้นไทยได้เข้าสู่ระยะที่ 4 ที่ฝ่ายวิจัยได้ประเมินแล้ว หลังดัชนีฯลดลงต่ำกว่าระดับ 1,177 จุด

ส่วนจะเข้าสู่ระยะที่ 5 หรือไม่นั้นยังไม่สามารถประเมินได้ในตอนนี้ เพราะน้ำหนักยังน้อย แต่หากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังพุ่งไม่หยุด และยังไม่มีการคิดค้นยารักษาหรือวัคซีนได้ก็คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสลดลงไปถึงระดับ 921 จุด

“ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะคุมอยู่หรือไม่อยู่ ซึ่งจุดต่ำสุดตอนนี้คงประเมินได้ยาก เพราะหากจำนวนผู้ติดเชื่อยังพุ่งขึ้นสูงดัชนีฯก็มีโอกาสลดลงต่อเนื่อง”