เตือนผู้ทำงานร่วมกับนักท่องเที่ยวจีนมีอาการป่วยรีบพบแพทย์

เตือนผู้ทำงานร่วมกับนักท่องเที่ยวจีนมีอาการป่วยรีบพบแพทย์

สธ.รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโคโรนาในไทย พบมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและยืนยันติดเชื้อโดยรวมเท่าเดิม 32 ราย มีอาการค่อนข้างหนัก 2 รายมีแพทย์เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมเตือนผู้ทำงานร่วมกับนักท่องเที่ยวจีน มีอาการรีบพบแพทย์ เหตุเริ่มมีระบาดในไทย

วันนี้ (9 ก.พ.2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข  นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโคโรนาในประเทศไทยว่าขณะนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและยืนยันติดเชื้อโดยรวม 32 ราย กลับบ้าน 10 ราย เป็นคนจีน 8 ราย คนไทย 2 ราย  และอยู่โรงพยาบาล 22  รายส่วนใหญ่อาการดีขึ้น โดยรอผลแล็ปพร้อมกลับบ้าน 4 คน และมีผู้ที่มีอาการค่อนข้างมาก2 รายซึ่งมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยภาพรวมสะสม 654 ราย  กลับบ้าน 279 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 375 ราย  

นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวต่อว่าสถานการณ์ในต่างประเทศ มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 37,549 คน เสียชีวิต 813 คน และมีการรักษาหายเพิ่มมากขึ้นมีจำนวนผู้หายเป็นปกติ 2,701 ราย  โดยประเทศที่มีการรายงานผู้ป่วยมากที่สุดนอกเหนือประเทศจีน  คือ ประเทศญี่ปุ่น จากกรณีสถานการณ์แพร่ระบาดในเรือสำราญ ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อ 61 ราย ดังนั้น ในประเทศขณะนี้มีการติดตามสถานการณ์ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ เพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องดำเนินการอะไรกับผู้เดินทางจากประเทศดังกล่าวหรือไม่อย่างไต่ แต่ในปัจจุบันยังไม่ได้มีมาตรการใดๆ

“จากจำนวนผู้ยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 32 ราย  เป็นคนจีน 23 ราย คนไทย 9 ราย ซึ่งในจำนวนคนไทย9รายนั้น มีผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ 5 ราย แสดงให้เห็นว่าขณะนี้เริ่มมีการแพร่ระบาดโรคภายในประเทศไทยแต่ยังเป็นในวงที่จำเป็น ดังนั้น อยากฝากคนไทยที่ทำงาน เดินทาง โดยเฉพาะคนไทยที่ทำงานร่วมกับนักท่องเที่ยวชาวจีน หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจลำบากให้รีบไปพบแพทย์ เพราะเรื่องนี้สำคัญมากถ้ามีการวินิจฉัยตรวจพบได้เร็ว ก็จะมีการแพร่ระบาดน้อยลง แต่ถ้ามีอาการป่วยแต่ไม่มีได้รับการวินิจฉัย อาจจะเป็นมีการแพร่ระบาดได้มากนายแพทย์ธนรักษ์ กล่าว  

ขณะเดียวกันผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบขณะนี้จะเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลเอง โดยจะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนมากกว่าโรงพยาบาลของรัฐ จึงอยากให้ในส่วนของโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ตรวจสอบประวัติ โดยเฉพาะการสัมผัสหรือเดินทางมาร่วมกับนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือไม่

นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวต่อว่าสำหรับการวินิจฉัยผู้ป่วยติดเชื้อในจำนวน 32 ราย พบว่ามีผู้ติดเชื้อเกิดจากสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ทำให้เห็นว่าการวินิจฉัยมีความเข้มแข็งในการซักประวัติ และการสอบสวนโรค ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการควบคุมโรค เพราะถ้ามีผู้สัมผัสแล้วซักประวัติไม่เจอก็ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ ในเรื่องนี้ถือว่าทีมแพทย์ บุคลากรของไทยมีการตรวจวินิจฉัยคนไข้ได้เร็ว

ขอแนะนำประชาชนให้ดูแลตัวเอง เพราะเริ่มพบผู้ป่วยในประเทศถึงจะมีค่อนข้างน้อย ควรหลีกเลี่ยงในที่ที่มีผู้คนอยู่มาก ถ้ามีใครไอจามควรอยู่ห่างๆ ล้างมือบ่อยๆ และถ้าทำงานสาธารณะ เช่น ขับแท็กซี่  ขับรถตู้ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยทั้งคนขับและผู้โดยสาร ควรกินอาหารร้อน ช้อนกลาง สามารถช่วยลดการติดเชื้อได้ ส่วนผู้ผ่านการคัดกรองและกลับบ้านได้นั้น ทุกคนมีอาการปกติแล้วถึงกลับบ้านได้ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทั้งนี้ สำหรับกรณีของคนไทยที่เดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน 138 รายและอยู่ห้องปฎิบัติการที่สัตหีบนั้น มีผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย ส่วนผู้ที่มีอาการแรกเริ่มทั้ง 4 ราย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อและทยอยให้กลับไปห้องรับรองทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทุกกระทรวงดูแลคนที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่นเป็นอย่างดี และจะดูแลจนครบระยะฟักตัวถึงจะกลับบ้านได้ ซึ่งถ้ากลับบ้านได้ ขอยืนยันว่าทุกคนปลอดเชื้อ สามารถไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

รองศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวว่าในส่วนของผู้ป่วยติดเชื้อ 2 ราย ที่มีอาการค่อนข้างมากนั้น เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2563 ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งพบว่าทั้ง 2 ราย มีอการอยู่ในภาวะที่ดี โดยคนแรกที่มีอาการวัณโรคปอดร่วมด้วยนั้น  อยู่ในเครื่องช่วยหายใจ อาการทั่วไปยังอยู่ในภาวะสงบ ส่วนอีกรายไม่ต้องให้เครื่องช่วยหายใจ และอยู่ในภาวะที่ดีเช่นกัน