‘หัวเว่ย’ เปิดเกมรุก ปลุกยอดสมาร์ทโฟน ชี้ 'โคโรน่า' ไม่กระทบ
‘หัวเว่ย’ เผยไวรัสโคโรน่าระบาดไม่กระทบธุรกิจ พร้อมเดินหน้าต่อตามแผนงานเดิม ล่าสุดเปิดเกมลุยหนักอุตสาหกรรมไอทีไทย พาเหรดสินค้าใหม่กลุ่มโน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน แทบเล็ต ชิงส่วนแบ่ง
ชูจุดขายสเปคดี ราคาจับต้องได้ พร้อมให้ของแถมแบบจัดหนัก เผยธุรกิจโตแกร่ง กลยุทธ์ปีนี้เล็งบุกหนักตลาดสมาร์ทโฟน ดึงเอไอ-สินค้าอีโคซิสเต็มส์ดิจิทัล หนุนธุรกิจโตแบบยั่งยืน
ไวรัสโคโรนายังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในจีนอย่างหนัก รวมถึงความกังวลเรื่อง ซัพพลายเชนสินค้าจีนที่อาจจะ “สะดุด” จากการต้องเร่งรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส ‘หัวเว่ย’ ยักษ์ใหญ่ไอทีของจีนที่ทำธุรกิจในไทย ยืนยันว่า แผนธุรกิจทุกอย่างยังเป็นไปตามปกติ มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ ท่ามกลางมาตรการเข้มเพื่อรับมือปัจจัยเสี่ยงที่หัวเว่ยบริษัทแม่วางไว้อย่างรัดกุม
นายอิงมาร์ หวาง ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อธุรกิจของหัวเว่ย ขณะนี้ทุกอย่างยังดำเนินไปได้ตามแผนงานเดิม สามารถเปิดตัวสินค้าใหม่ได้ตามปกติ ขณะเดียวกันบริษัทแม่ได้เตรียมมาตรการเพื่อดูแลเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
ดันสินค้าไลฟ์สไตล์ดิจิทัล
เขากล่าวว่า กลยุทธ์ของหัวเว่ยคอนซูมเมอร์บิสสิเนสกรุ๊ปนอกจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ทโฟน ยังมุ่งสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์ แวร์เอเบิล หูฟัง รวมถึงสินค้าอีโคซิสเต็มส์ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ดิจิทัล
ที่ผ่านมา ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนานวัตกรรม เมื่อปีที่ 2562 ใช้งบประมาณสำหรับการวิจัยและพัฒนากว่า 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 5.3 แสนล้านบาท ติดดับ 5 บริษัทที่ใช้งบประมาณด้านอาร์แอนด์ดีสูงที่สุดระดับโลก
อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2562 ธุรกิจโดยรวมของหัวเว่ย กรุ๊ป ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง สามารถทำรายได้ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ หรือ ราว 3.7 ล้านล้านบาท เติบโต 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าด้านหัวเว่ยคอนซูมเมอร์บิสสิเนสกรุ๊ป สามารถครองตำแหน่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ด้วยจำนวนการส่งมอบสมาร์ทโฟนสูงถึง 240 ล้านเครื่อง กลุ่มผลิตภัณฑ์พีซีเติบโต 222% แวร์เอเบิล 241% สมาร์ทออดิโอ 572%
ปัจจุบันพัฒนาการบริการได้ครอบคลุมประเทศและภูมิภาคต่างๆ ถึง 170 แห่ง มีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในอีโคซิสเต็มกว่า 1 ล้านคนจากทั่วโลก มีแอพพลิเคชั่นพร้อมให้ดาวน์โหลด 1.2 ล้านแอพ ยอดผู้ใช้งานในแอพแกลลอรีมากกว่า 390 ล้านคนทุกดือน
พร้อมระบุว่า กลยุทธ์ระยะยาวมุ่งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) มาช่วยยกระดับความสามารถผลิตภัณฑ์ เสริมด้วยสินค้าในอีโคซิสเต็มส์ที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัล
ด้านนายอาวิทย์ จิระเลิศพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยให้ความสำคัญการออกแบบ การพัฒนานวัตกรรม และการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน เชื่อว่าหากทำส่วนนี้ได้ดีจะมีส่วนสำคัญทำให้ยอดขายเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยจะมาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยที่มากขึ้น การทำตลาดเน้นนำเสนอสเปคที่ดี ราคาจับต้องได้ พร้อมมีของแถมหลากหลายรายการที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มค่าควบคู่ไปกับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งาน
เปิด3ผลิตภัณฑ์เด่นปลุกตลาด
ผลสำรวจด้านพฤติกรรมผู้บริโภคโดยหัวเว่ยระบุว่า ลูกค้าต้องการผลิตภัณฑ์พีซีที่มีความสามารถมากกว่าพีซีแบบดั้งเดิม โดยต้องเป็นเครื่องที่สามารถเปิดใช้งานได้รวดเร็ว ตอบสนองได้เร็ว มีแบตเตอรีที่สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา สำคัญสามารถเชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูลระหว่างดีไวซ์ได้
ล่าสุด เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกอบด้วยโน้ตบุ๊ค “หัวเว่ย เมทบุ๊ค ดี15” ราคา 17,990 บาท แทบเล็ต “หัวเว่ยมีเดียแพทเอ็ม6” ราคา 14,990 บาท และสมาร์ทโฟน “วาย 7 พี” ราคา 4,999 บาท ทุกรายการมาพร้อมของสมนาคุณพิเศษ สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.เป็นต้นไป ณ หัวเว่ย แบรนด์ชอป ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ พร้อมเตรียมเปิดขายบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางเจดีเซ็นทรัล ครั้งนี้ยังได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์เปิดขายสมาร์ทโฟนหัวเว่ยโนวา5ที พร้อมด้วยหูฟังไร้สายหัวเว่ยฟรีบัดส์ 3 สีใหม่ด้วย
หัวเว่ยระบุด้วยว่า ระดับโลกมีส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์โน๊ตบุ๊คบางเบา 15% เฉพาะโน้ตบุ๊คซีรีส์เมทบุ๊คเมื่อปีที่ผ่านมาเติบโตได้มากถึง 214%
