มีประเด็นลบก่อนลงนามข้อตกลงการค้า

มีประเด็นลบก่อนลงนามข้อตกลงการค้า

ดัชนีวานนี้ปิดบวกเล็กน้อย คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่อยู่ในแดนบวกสลับลบ คาดนักลงทุนส่วนใหญ่กำลังจับตาผลการเซ็นสัญญาการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐ-จีนในวันพุธนี้

ขณะที่ตลาดหุ้นภายในประเทศบวกอ่อนๆ เนื่องจากเผชิญแรงขายกลุ่มโรงกลั่น ภายหลังค่ากลั่นกลับทิศเป็นติดลบ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,586.90 จุด (+0.74 จุด) Volume 6.0 หมื่นลบ. ต่างชาติ -843.27 ลบ. TFEX Net  +3,688 สัญญา

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 15 เซนต์ +0.3% ปิดที่ 58.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับรายงานจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในปี 2562 สร้างความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มความต้องการน้ำมันในตลาดโลก

+ประเทศไทยรอดพ้นจากการขึ้นบัญชีดำประเทศปั่นค่าเงินตามรายงานของสหรัฐ

+ครม.มีมติให้เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณปี 63 คาดสิ้นไตรมาส 2 มีเม็ดเงินลงสู่ระบบศก. 1 ล้านลบ.

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเพียง 32.62 จุด +0.11% หลังสหรัฐเผยว่าจะไม่ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติม จนกว่าจะถึงวันหลังเลือกตั้งปธน.สหรัฐในเดือนพ.ย. สร้างความไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

-รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐจะยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการทำข้อตกลงการค้าเฟสสอง

+/-ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.2%MoM ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3%MoM ในเดือนพ.ย.

+/-ธปท.เปิดเผยสาเหตุของค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นในปี 2562 จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และไทยมีการลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำ  ไม่ได้เป็นผลจากการเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติ

+Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 1,170.37 ลบ. ค่าเงินบาท 30.245 บาท/US

*จับตาสหรัฐ-จีนลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก 23.30 น.ตามเวลาไทย  สหรัฐเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book)  จาก FED สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากข่าวการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในปัจจุบันจะยังมีผลบังคับใช้ไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. แม้จะมีการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันนี้ คาดคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,575-1,590 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น mai ดีปี 63 (JUBILE PSTC  TACC  SKY)
  • Defensive (BEM PLANB)
  • ผลสำรวจหุ้นเด่นโดยสมาคมนักวิเคราะห์ที่ยังน่าสนใจ (AOT BBL CPF)
  • หุ้นอสังหาฯ downside  risk จำกัด  (PSH SC SENA ANAN LPN CGD)

หุ้นรายงานพิเศษ

INSET : Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus  - บาท)

  • ทิศทางผลประกอบการปี 20 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียอด Backlog อยู่ที่ระดับ 2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน 1-2 ปี ประกอบกับรอผลการประมูลงานใหม่อีกราว 500 ล้านบาทใน 1Q20 นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนในเทคโนโลยี 5G ที่จะไหลเข้า หลังเสร็จสิ้นการประมูล เนื่องจาก Operator จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเสาส่งสัญญาณเพื่อให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
  • ปัจจุบันบริษัทมี Recurring Income จากงานซ่อมบำรุง USO (Zone C) Phase 1&2 คิดเป็นสัดส่วนราว 5% ของรายได้รวม แต่พยายามจะเพิ่มสัดส่วน Recurring Income ขึ้นสู่ระดับ 10% จากการขยายการลงทุนในโครงการ Google Station เพื่อให้คนเข้าถึงบริการ Internet โดยมีแผนขยายให้บริการที่ 5 พันจุดภายในสิ้นปี
  • เรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เนื่องจากในธุรกิจรับเหมาวางระบบ (SI) ส่วนใหญ่รายได้จะค่อนข้างผันผวนตามการรับรู้งานโครงการเป็นหลัก ซึ่งการที่ INSET พยายามเพิ่มสัดส่วน Recurring Income จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทมีความสม่ำเสมอมากขึ้น

หุ้นมีข่าว   

·       TISCO (Bloomberg Consensus 105.89) มีกำไรสุทธิ 7,270 ลบ. +3.6% แม้รายได้รวมจากการดำเนินงานลดลง 5% โดยรายได้ดบ.สุทธิ ลดลง 1.8% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ เพิ่มขึ้น 1.5% มีขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุน 17 ลบ. พลิกจากกำไร 503 ลบ.ในปี 61 ส่วนรายได้ธุรกิจหลักทรัพย์ปรับดีขึ้น 0.5% เนื่องจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายตัวดี และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนจากการบริหารกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่ดี ทั้งนี้คชจ.ในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงถึง 74% มากพอที่จะชดเชยรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลง (ที่มา MD&A)

·      KBANK (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 167.03) ชี้แจงกรณีข่าวเข้าซื้อหุ้นธนาคารเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ หรือ เอแบงก์ในเมียนมา ระบุอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าไปทำธุรกิจ ซึ่งมีความเป็นไปได้ใน 3 ทาง ได้แก่ "ตั้ง Subsidiary-ตั้งสาขา-ร่วมลงทุนในธนาคารท้องถิ่น" และกำลังเจรจารูปแบบ-โครงสร้างที่เหมาะสม ทั้งนี้ความเป็นไปได้ของการเข้าลงทุนยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการพิจารณาของธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ธนาคารแห่งประเทศไทย และกฎหมายที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ (ที่มา SET NEWS)

·      (+) RATCH (Bloomberg Consensus 74.91 บาท)  รุกเจรจาขายไฟฟ้ากับกฟผ. ขนาด 340 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกองในสปป.ลาว ขณะที่สนพ.เตรียมจัดลำดับโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวเพิ่มอีก 3,000 เมกะวัตต์ ทยอยเข้าระบบหลังปี 69 มั่นใจชัดเจนไตรมาส 1/63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) WP (Bloomberg Consensus - บาท) กางแผนปี 63 ทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" ทั้งจุดกระจายสินค้าขนาดใหญ่และขนาดเล็ก คาดหนุนยอดขายเพิ่ม 2-3% เดินหน้าขยายฐานกระจายสินค้าให้ครอบคลุม แถมเล็งหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเสริมทัพ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·       (+) S (Bloomberg Consensus 3.71 บาท) ทุ่มงบลงทุน 1,725 ล้านบาท ซื้ออาคารเมโทรโพลิสและรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินจาก ฟีนิกซ์ เพาเวอร์ มั่นใจธุรกิจอาคารสำนักงานใจกลางเมือง เสริมแกร่งพอร์ตรายได้ พร้อมเตรียมเติมในกองทรัสต์ SPRIME ในไตรมาส 3/2563 (ที่มา ทันหุ้น)

·      (+) TCMC (Bloomberg Consensus - บาท) เผยการเข้าลงทุนในกิจการร่วมทุนในโอมาน ถือหุ้น 51% หนุนเพิ่มกำลังผลิตพรมแอ๊กซ์มินสเตอร์ให้แก่ Royal Thai หวังลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และลดระยะเวลาการผลิตและส่งออเดอร์ให้สั้นลง การขายในแถบประเทศตะวันออกกลางและยุโรปได้ดีขึ้น ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) SKN (Bloomberg Consensus - บาท) เดินเกมรุกตลาดทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ เต็บสูบ ชูธงปั๊มรายได้ปี 2563 โตต่อเนื่อง พร้อมเสริมทีมงาน-อุปกรณ์เพิ่ม หนุนกำลังผลิตเฉลี่ยขยับขึ้นเป็น 90% ด้านผู้บริหาร "หาญสิริ แสงวงศ์กิจ" แจงบาทแข็งค่ากระทบน้อย ระบุทำเฮดจิ้งป้องกันความเสี่ยงไว้แล้ว(ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) FPT (Bloomberg Consensus - บาท) เผย "ไมเดีย รีฟริจเจอเรชั่น อีควิปเมนท์ (ไทยแลนด์)" บริษัทย่อยของไมเดีย กรุ๊ป บรรลุข้อตกลงในสัญญาซื้อขายที่ดิน 130 ไร่ จังหวัดชลบุรี เดินหน้าพัฒนาศูนย์กลางผลิตเทคโนโลยีอัจฉริยะในพื้นที่อีอีซี (ที่มา ทันหุ้น)