หุ้น‘กลุ่มปตท.’มาแรง รับอานิสงส์น้ำมันพุ่ง

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี วานนี้ (3ม.ค.) ปรับตัวขึ้น ตอบรับราคาน้ำมันดิบดีดตัว หลังความตึงเครียดตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น จากสหรัฐสังหารนายพลอิหร่าน หนุนราคาหุ้น บมจ.ปตท. ( PTT) เพิ่มขึ้น 2.20 % หรือ 1 บาท มาอยู่ที่46.50 มูลค่าซื้อขาย 6,863.50 ล้านบาท , บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP ) เพิ่มขึ้น 1.96 % หรือ 2.50 บาท มาอยู่ที่ 130บาท มูลค่าซื้อขาย 3,218 ล้านบาท , บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล ( PTTGC) เพิ่มขึ้น 0.42% หรือ 0.25 บาท มาอยู่ที่ 59.50 บาท

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวนายพลของอิหร่าน ถูกกองทัพของสหรัฐสังหาร ทำให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 % ทั้งน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI  บวกกับวันที่ 2 ม.ค.2563 มีปัจจัยบวกเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีความชัดเจนมากขึ้น จากที่สหรัฐเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงกับจีนในวันที่ 15 ม.ค.นี้

ทั้งนี้ บริษัทแนะนำลงทุน PTTEP ,PTT  คาดราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงได้ จากโอเปกที่จะลดกำลังการผลิตต่อเนื่องถึงปลายปีนี้ แต่ในส่วนของปิโตรเคมีและโรงกลั่นยังมีซับพลายใหม่ เลือกหุ้นที่ราคายังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากคือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)และ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO )ได้ประโยชน์จากองค์การทางเรือระหว่างประเทศ (IMO) กำหนดให้สายการเดินเรือต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันต่ำจาก 3.5% เหลือ 0.5% ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2563

นายบุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ มาจาก 3 ปัจจัย คือ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น น้ำมันดิบเบรนท์มาอยู่ที่ 68.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น3 % หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสังหารนายพลของอิหร่าน ทำให้อิหร่านมีการผลิตน้ำมันดิบลดลง หนุนราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูงในช่วง 1-2 เดือน 

ผลบวกกับเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการประกาศดัชนี Nikkei PMIของอินเดีย อยู่ที่ 52.7 %  สะท้อนภาคอุตสาหกรรมและบริการเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจของอินเดียฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีแรก2563 ดีขึ้นจากปีก่อน  ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอินเดียเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอันดับ2 ของโลก   ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงเทรดวอร์มีทิศทางคลี่คลาย จากที่สหรัฐกับจีนเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก หนุนความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น  และประกาศ IMO ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2563นี้

สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีซื้อขาย ที่P/B ต่ำ  ราคาน้ำมันดิบสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น มีโอกาสที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงกลั่นที่มีสัดส่วนการผลิตปิโตรเลียมสูง จะปรับตัวขึ้นโดดเด่น แนะนำ BCP IRPC ส่วน PTTEP ตอบรับเร็วกับราคาน้ำมัน หากความไม่สงบในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น มีโอกาสทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แนะนำลงทุนระยะสั้น