“ล็อกซเล่ย์”ปรับใหญ่ ชู 5 ธุรกิจ ปั้มรายได้ 1.5 หมื่นล.ปี 63

“ล็อกซเล่ย์”ปรับใหญ่ ชู 5 ธุรกิจ ปั้มรายได้ 1.5 หมื่นล.ปี 63

มุ่งธุรกิจหลักที่เชี่ยวชาญ และทำกำไรได้อย่างแท้จริง

157708540871

ชู 5 ธุรกิจหลักดันรายได้ 

นายสุรช กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์ เริ่มโฟกัสธุรกิจออกมาเป็น 5 แกนหลักที่สร้างรายได้และกำไรให้บริษัทเป็นหลัก โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจไอที ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่น ธุรกิจบริการ และธุรกิจอาหารและการจัดจำหน่าย ขณะที่ ยังมีโครงการแบคล็อก และโครงการที่มี High Potential รับรู้รายได้อีกราว 1.9 หมื่นล้านบาท อยู่ในกลุ่มไอทีราว 7-8 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันหันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าเอกชนมากขึ้น

ปัจจุบันล็อกซเล่ย์ มีีรายได้จากกลุ่มไอทีมากที่สุดราว 24% เทรดดิ้ง (อาหารและจัดจำหน่าย) 20% พลังงาน 15% บริการ 20% และเน็ตเวิร์ค โซลูชั่น 19% โดยเฉพาะกลุ่มไอทีเป็นตัวที่สร้างกำไรให้ล็อกซเล่ย์ราว 30%

157708556422

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดังกล่าว อาจไม่เพียงพอที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ทั้งผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ การแข่งขันที่รุนแรง และกระแส Technology Disruption ที่บีบให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ล็อกซเล่ย์จึงต้องปรับตัวอีกครั้ง ซึ่งต้องเป็นการทำอย่างรวดเร็วและเห็นผลกระทบชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์กรโดยรวม

“3 เดือนที่ผ่านมา คณะผู้บริหารจึงร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรในทุกระดับให้กระชับขึ้น มีการปรับลด และปรับปรุงหน่วยงานที่ไม่ทำกำไร และการควบรวมหน่วยงานที่มีความซ้ำซ้อนเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถทำกำไรได้ในอนาคต” นายสุรช กล่าว

157708544015

กระชับองค์กรให้คล่องตัวขึ้น

การปรับโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน ได้แก่ การปรับโครงสร้างคณะกรรมการ จากเดิมที่มีคณะกรรมการบริหาร 3 คณะ คือ คณะกรรมการจัดการ (Management Board) คณะกรรมการบริหาร (Executive Board) และคณะกรรมการบริษัท (Board of Director) มาเป็นโครงสร้างใหม่คือ การควบรวมคณะกรรมการจัดการและคณะกรรมการบริหารเข้าด้วยกัน พร้อมกับลดจำนวนคณะกรรมการต่างๆ ให้มีความเหมาะสม แต่ยังคงสอดคล้องและเป็นไปตามระเบียบปฎิบัติ คาดว่าการปรับลดคณะกรรมการ และจำนวนกรรมการดังกล่าวจะช่วยให้การบริหารมีความคล่องตัวมากขึ้น

“ครั้งนี้เป็นการปรับทั้งในมุมของคณะกรรมการ ผู้บริหาร ตัดลดธุรกิจที่ไม่กำไร หรือมีความซ้ำซ้อน ก็นำมารวมเข้าด้วยกัน เพียงแต่การลดพนักงานในครั้งนี้ไม่กระทบกับหน่วยงานที่สร้างรายได้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้าน และในธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ไม่มีโอกาสเติบโตราว 150 ราย รวมถึงการปรับลดเงินเดือนผู้บริหารระดับสูงกว่า 35% ทำให้ในปีหน้าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้ราว 200 ล้านบาท”

ส่วนการดำเนินธุรกิจ ล็อกซเล่ย์จะกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ โดยมีพันธกิจ (Mission) คือ การเป็น “พันธมิตรทางธุรกิจ” (The Partner of Choice) ผ่านเป้าหมายทางกลยุทธหลัก 3 ประการ คือ มีเป้าหมายที่จะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแก่ง เป็นผู้นำตลาดในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ และพัฒนาทีมหรือบุคลากรที่มีความแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียวกัน

ส่วนในด้านบุคลากรนั้น ล็อกซเล่ย์ ได้พิจารณาปรับโครงสร้างจำนวนพนักงาน ให้สอดคล้องกับโครงสร้างองค์กรและการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป การลดความซ้ำซ้อนของงาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ขณะเดียวกันก็ได้มีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

ตั้งทีมกลั่นกรองงาน-ลงทุน

นายสุรช กล่าวว่า ล็อกซเล่ย์ ยังได้ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการและการลงทุน (Project Investment & Evaluation Committee : PIEC) ขึ้นมาใหม่ เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาการลงทุนและการเข้าประมูลในโครงการต่างๆ โดยมุ่งเน้นเฉพาะธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ และทำกำไรได้อย่างแท้จริง เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้

“เป้าหมายของล็อกซเล่ย์ในอนาคต คือ การผันตัวเองเป็น Holding-Operating Company หรือ บริษัทที่ทำธุรกิจของตัวเองไปพร้อมกับการกำกับดูแลบริษัทในเครือ หรือที่เรียกว่า ผู้ถือหุ้นแบบผสม โดยขับเคลื่อนผ่านบริษัทย่อยที่เป็น Flagship company ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ที่มีความแข็งแกร่งทั้งด้านผลประกอบการ การเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจหลักเดิมที่มีอยู่ ตลอดจนการมีทีมงานที่มีศักยภาพร่วมเดินไปด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่งคงและเติบโตอย่างยั่งยืน” นายสุรช กล่าว