'ชิโนไทย' ลั่นได้รับขยายเวลา ก่อสร้างรัฐสภา ต่ออีก 382 วัน

'ชิโนไทย' ลั่นได้รับขยายเวลา ก่อสร้างรัฐสภา ต่ออีก 382 วัน

'ซิโน-ไทย' แจงได้รับขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ อีก 382 วัน ตั้งแต่ 16 ธ.ค.62- 31ธ.ค.63 ยันเดินหน้าก่อสร้างอย่างถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา หวังให้นักลงทุนได้รับข้อมูลถูกต้อง หวังป้องกันบุคคลกล่าวอ้างสร้างไม่เสร็จถูกปรับเงินจำนวนมาก

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ STEC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า ตามที่บริษัทฯเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบตามสัญญาเลขที่ 116/2556 ลงวันที่ 30 เมษายน2556 โดยมีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรเป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งเดิมจะครบกำหนดระยะเวลาก่อสร้างในวันที่15 ธันวาคม 2562 นั้น

อ่านข่าว-'ชวน' เตือนทำผิดต้องรับผิดชอบ สั่ง 'ขรก.สภาฯ'

บริษัทฯ ขอเรียนว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินงานก่อสร้างอย่างเร่งด่วน และต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาแต่ระหว่างก่อสร้างมีเหตุตามข้อกำหนดแห่งการขอขยายระยะเวลาก่อสร้างได้ตามสัญญาฯ บริษัทฯจึงได้ดำเนินการขอขยายเวลาก่อสร้างโดยดำเนินการเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขแห่งสัญญาก่อสร้างฯอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยบริษัทฯ เสนอผ่านผู้ควบคุมงานและที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างของโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้พิเคราะห์พิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นที่เป็นอุปสรรคของการก่อสร้าง ตามเงื่อนไขข้อกำหนดแห่งการขยายเวลาก่อสร้างในสัญญาจ้างแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ได้ทำบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมแนบท้ายสัญญาฯ ตกลงให้บริษัทฯขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ออกไปอีก 382 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

ดังนั้น โดยหนังสือฉบับนี้บริษัทฯ จึงขอให้ข้อมูลว่าบริษัทฯ ได้ลงมือดำเนินงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบของบริษัทฯอย่างถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาฯ ตลอดเวลา และได้รับการขยายเวลาก่อสร้างเป็นไปตามข้อกำหนดตามสัญญาฯดังกล่าวข้างต้นเพื่อให้ท่านเผยแพร่ให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องตามความจริงและเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีเจตนาไม่สุจริตนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปอ้างว่าบริษัทฯดำเนินงานก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจะต้องถูกปรับตามสัญญาฯ เป็นเงินจำนวนมากอันอาจทำให้บริษัทฯและนักลงทุนได้รับความเสียหายจากการกระทำของบุคคลดังกล่าว