เปิดอัตราค่าเลี้ยง 'งูเห่า'
คงต้องไปถาม "สุทิน คลังแสง" ว่าค่าเลี้ยงดูงูเห่า เขาจ่ายเลข 8 หลัก นั้นจ่ายจริงเท่าไหร่ 10 หรือ 20 ล้าน
ในที่สุด ที่พูดกันว่ามีงูเห่าในสภานั้นก็เป็นจริง
มีให้เห็นและพิสูจน์ได้แล้วในการลงชื่อเพื่อทำให้องค์ประชุมครบ ทำให้สภาไม่ล่ม และทำให้ฝ่ายค้านพ่ายแพ้ในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อด่า คสช. ตามมาตรา44
มีคำถามตามมาว่า แล้ว “งูเห่า” ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากใครและจะมีอีกต่อๆไปในสภาไทยยุคนี้ใช่หรือไม่
ตอบเลยว่าใช่ จะมีไปเรื่อยๆ ตราบใดที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และฝ่ายค้านเสียงแปร่งๆแบบนี้
ไม่มีทางที่จะแก้ไขหรือเป็นอย่างอื่นไปได้ เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นในการหาเสียงมาเติมเพื่อให้งานในสภาเดินต่อไปได้ หากทำได้ รัฐบาลต้องการให้สส.ฝ่ายค้านที่มีใจให้กับรัฐบาลย้ายมาสังกัดรัฐบาลเลย
เท่าที่ดูเห็นจะมีเฉพาะพรรคเศรษฐกิจใหม่ เท่านั้นที่น่าจะย้ายมาสังกัดรัฐบาลได้ เพราะ 4 เสียง อย่างน้อยก็น่าจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยสักตัว
แต่พรรคประชาชาติ 1 คน พรรคเพื่อไทย 3 คนและพรรคอนาคตใหม่ 2 คน ไม่น่าจะมาได้
แต่ใสนอนาคตหาก พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ จะมีสส.นับสิบย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นกับว่า พปชร. ต้องการเสียงมาเติมเท่าไหร่ จึงจะไม่อยู่ภายใต้การข่มขู่และกรรโชกจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
หากต้องการมาคานพรรคประชาธิปัตย์ ต้องหามาเพิ่ม 53 เสียง แต่หากต้องการเอามาค้านพรรคภูมิใจไทย ต้องหามา 51 เสียง จึงจะแก้ปัญหาการ ”เล่นตัว” และ ”งอแง” ของพรรคร่วมได้
ในการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านต่อการตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯมาตรา 44 น่จะส่งสัญญาณให้พรรคร่วมด้วยกันเห็นแล้วว่า พลังประชารัฐ ทำได้
ฉะนั้น พรรคร่วมด้วยกันเอง น่าจะเลิกนิสัยข่มขู่และกรรโชกได้แล้ว
ความจริงปัญหาในแต่ละพรรค ที่มาร่วมรัฐบาลนั้นไม่แตกต่างกัน ทุกพรรคย่อมต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูปูเสื่อให้กับสส.ในพรรค ขึ้นกับว่าแต่ละพรรคจะมีวิธีบริหารจัดการอย่างไร
อย่างแรกที่ต้องจ่ายคือ รายเดือน นอกเหนือจากเงินเดือนสส. แต่ละพรรคมีเรตแตกต่างกัน บางพรรคเดือนละแสน บางพรรคมือหนักหน่อยเดือนละสองแสน
แต่บางพรรคที่ลูกพรรคออกนอกคอกโหวตแหกมติบ่อยๆจ่ายเดือนละห้าหมื่น พักหลังได้ข่าวว่า เลขาธิการพรรคไม่เข้าพรรคเลย จึงพากันอดอยากปากแห้ง พูดจาหว่านล้อมและขอร้องกันไม่ได้
เสมือนใส้แห้งไม่มีอยู่มีกิน
แต่หาก ”งูเห่า” ข้ามพรรคแบบนี้ คงต้องไปถาม สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ว่า เขาจ่ายเลข 8 หลัก นั้นจ่ายจริงเท่าไหร่ 10 หรือ 20 ล้าน และยังมีรายเดือนให้อีกอย่างน้อยเดือนละกี่แสน
ทุกพรรคก็ต้องจ่าย ไม่งั้นลำพังเงินเดือนสส.แสนกว่าบาทไม่พอใช้เพราะสส.ไทย มีภาษีสังคมเยอะ ไม่มีเงินติดกระเป๋าเป็นล้านนี่ห้ามลงพื้นที่เลย ว่ากันถึงขนานั้น
พรรคใหญ่ๆก็แบ่งกันดูแลเป็นก๊กเป็นมุ้ง ถึงเวลาปรับครม.หรือได้ร่วมรัฐบาลที ก็เอาจำนวนสส.ในมุ้งนี่แหละมาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี
ใครจ่ายเยอะ ก็มีสส.ในมุ้งเยอะ มีอำนาจต่อรองเยอะ แต่หากหัวหน้าพรรคไหนชอบสร้างภาพความรวย แต่ใจทะเลเค็มปี๋ รับรองเลือกตั้งสมัยหน้า จะกลายเป็นพรรคต่ำสิบแน่นอน ต่อให้เย็บแบงก์ร้อยกับแบงก์ยี่สิบติดกันก็ไม่มีทางหลอกชาวบ้านได้อีกคำรบสอง