‘อินโดรามา’ ตั้งการ์ดรับผันผวน โบรกคาดกระทบกำไรทั้งปี 62

 ‘อินโดรามา’ ตั้งการ์ดรับผันผวน   โบรกคาดกระทบกำไรทั้งปี 62

หลังภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนออกมาไม่ค่อยดีแล้วจากตัวเลขคาดการณ์กำไรรวมลบหนักถึง 18-19 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีการโฟกัสไปที่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ทำกำไรออกมาไม่ค่อยดี มีหลายบริษัทเผชิญขาดทุนในไตรมาสดังกล่าว

ปัจจัยลบมีตั้งแต่พิษของสงครามการค้าทำให้นโยบายค้าระหว่างประเทศได้รับผลกระทบ ราคาสินค้าคอมมูนิตี้ที่ปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบส่วนต่างราคาปิโตรเคมี หรือ ราคาสเปรด ปรับตัวลงตามไปด้วย และค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้เมื่อแปลงราคามาเป็นบาทกำไรน้อยลง

แนวโน้มอนาคตปัจจัยดังกล่าวยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะประเด็นหลักยังอยู่ที่การดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐและจีนที่ยังยืดเยื้อ จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ที่มีสถานการณ์ผันผวนต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงเห็นผู้ประกอบการออกมาเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์หลังเห็นตัวเลขใน 9 เดือนออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายรายใหญ่ระดับโลก บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ฉายภาพกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ในปีนี้จะลดลง ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

รวมทั้งยังประกาศชะลอเข้าซื้อกิจการไว้ชั่วคราวเป็นระยะเวลาราว 18 เดือน เนื่องจากภายหลังจากที่ได้ทำการเข้าซื้อกิจการล่าสุด Huntsman ซึ่งถือเป็นการซื้อครั้งใหญ่ของบริษัท ต่อจากนี้จะดำเนินการหารือร่วมกันต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น

การประกาศดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์บริษัทในขณะนี้ ที่ผลการดำเนินการปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2561 จากราคาสเปรด (spread) ปิโตรเคมี ที่ปรับตัวลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2561 และยังมีประเด็นขาดทุนสต็อกหรือสินค้าคงเหลือ ทำให้กำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยธุรกิจโพลีเอทิลีน เทเรพทาเลต (PET) และสินค้าที่มีมูลค่าขายสูง (HVA) เป็นธุรกิจหลักของอินโดรามา ฯ มีการผลิตโพลีเอทิลีน เทเรพทาเลต ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตขวดพลาสติกและ เส้นใยโพลีเอสเตอร์ (PTA) เป็นตัวผลิต PET กำลังเผชิญปัจจัยลบราคาปิโตรเคมีกับวัตถุดิบ (Spread margin) และอัตราแลกเปลี่ยน ภาวะอุปทานส่วนเกิน (PTA, PX) และความต้องการจากยุโรปและจีนซึ่งเป็นตลาดหลักอ่อนแอกว่าที่คาดจึงกระทบหนัก

ขณะเดียวกัน อินโดรามา ฯยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักช้อปกิจการตัวยง จากการไล่ซื้อกิจการที่เป็นห่วงโซ่อุปทานมาตั้งแต่ปี 2560 และต่อเนื่องมาถึงปี 2561 และในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้เงินซื้อกิจการไปแล้ว 2,260 ล้านเหรียญ สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นมาอยู่ที่ 10.4 ล้านตันต่อปี จาก 8 ล้านตันในปี 2560 

คาดว่าในปี 2562 กำลังผลิตจะอยู่ที่ 13 ล้านตัน ด้วยรายได้ 14,000 ล้านเหรียญ ต้นปี 2562 บริษัทประกาศจะเดินหน้าซื้อควบรวมและกิจการเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ด้วยการวางกรอบเงินลงทุน 1,100 ล้านเหรียญ รวมไปถึงการมองไกลระหว่างปี 2562-2564 ใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 4,500 ล้านเหรียญ มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจ

อย่างไรก็ตามด้วยภาวะตลาดโลกที่ไม่เอื้อและมีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ในปีนี้มีการเดินหน้าซื้อกิจการ เพียงแค่ 2 บริษัท ประกอบไปด้วย บริษัท Bevpak (Nigeria) Limited ผู้ผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวด (PET Preforms) รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ประเทศไนจีเรีย โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่18,000 ตันต่อปีและบริษัท Sinterama S.p.A. มีกำลังการผลิตรวมกันอยู่ที่ 30,000 ตันต่อปี มีฐานผลิต 4 ประเทศ

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ คาดกำไรปกติจะยังอ่อนแอต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ปกติจะเป็นโลว์ซีซันของธุรกิจ ประกอบกับธุรกิจยังมีแรงกดดันทั้งจากด้าน อุปสงค์และอุปทาน ที่มีปัจจัยลบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคจำนวนมาก ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะรายงาน Core EBITDA ต่อตัน ในช่วงไตรมาสดังกล่าวลดลงจาก 84 ดอลลาร์ต่อตัน ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562ที่ผ่านมา

โดยประมาณการกำไรปกติปี 2563 ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับประมาณการกำไรปกติในปี 2562 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการซื้อกิจการ Huntsman