สศค.ชงกองทุนรวมใหม่ แทน 'แอลทีเอฟ' เน้นออมยาวลงทุน10ปี

สศค.ชงกองทุนรวมใหม่ แทน 'แอลทีเอฟ' เน้นออมยาวลงทุน10ปี

สศค. เตรียมเสนอคลังอนุมัติตั้งกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว หวังทดแทน “แอลทีเอฟ” ย้ำไม่ได้เน้นส่งเสริมการลงทุนในประเทศ เหมือนที่สภาธุรกิจตลาดทุนเสนอ แต่เน้นการออมระยะยาว “อุตตม” ย้ำเคาะสรุปสัปดาห์หน้า

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมสรุปแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรูปแบบใหม่ เพื่อทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ที่จะสิ้นสุดการใช้มาตรการภาษีเพื่อมาสนับสนุนการลงทุนในสิ้นปีนี้ โดยตนได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่า จะได้ข้อสรุปและรายงานตนถึงแนวทางการจัดตั้งกองทุนใหม่ที่เหมาะสมในสัปดาห์หน้า

“ผมจะนัด สศค. มารายงานผลการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้า ดังนั้น ก็น่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนใหม่ที่จะมาแทนกองทุน LTF”เขากล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า ขณะนี้ สศค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตลาดทุนและกรมสรรพากรได้ข้อสรุปเสนอระดับนโยบายเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนรวมขึ้นมาทดแทนกองทุน LTFแล้ว โดยหลักการ คือ กระทรวงการคลังจะสนับสนุนมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนใหม่ในลักษณะใกล้เคียงกับการสนับสนุนมาตรการภาษีให้แก่กองทุน LTF

แต่ในแง่วงเงินลงทุนที่จะให้สำหรับการลดหย่อน ระยะเวลาการลดหย่อน และ รวมถึง กองทุนนี้จะนำเงินลงทุนไปลงทุนอะไรได้บ้างจะต้องตอบโจทย์ที่กระทรวงการคลังกำหนดขึ้น

ทั้งนี้ โจทย์ในการจัดตั้งกองทุนรวมใหม่นี้ คือ จะต้องสนับสนุนการออมระยะยาว ซึ่งจะแตกต่างจากแนวคิดเดิมที่จะสนับสนุนการลงทุนของประเทศ ดังนั้น ระยะเวลาที่จะให้สำหรับการลดหย่อนภาษีอาจจะตัองมากกว่ากองทุน LTF ที่ให้เพียง 5 ปี  โดยเบื้องต้น จะเสนอว่า อาจจะให้ระยะยาวมากกว่า 10 ปี เพราะจะช่วยสนับสนุนการออมระยะยาวได้

สำหรับวงเงินลงทุนที่ให้การลดหย่อนนั้น จะต้องตอบโจทย์ในเรื่องของการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วย ซึ่งปัจจุบันกองทุน LTF ถูกมองว่า เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนรวยมากกว่า โดยให้วงเงินลงทุนลดหย่อนสูงไม่เกิน 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี 

ดังนั้น ข้อเสนอของสภาธุรกิจตลาดทุนที่เสนอลดวงเงินที่ให้สำหรับการลดหย่อนภาษีได้เหลือเพียง 2.5 แสนบาท และไม่เกิน 30% ของเงินได้ จึงเป็นข้อเสนอที่หลายฝ่ายเห็นตรงกัน

ในแง่การลงทุนของกองทุนรวมใหม่นี้ จะต้องสนับสนุนการออมระยะยาวเช่นกัน ดังนั้น หลักการการนำเงินไปลงทุน จึงไม่ใช่ส่งเสริมการลงทุนของประเทศเหมือนที่สภาธุรกิจตลาดทุนเสนอ แต่จะต้องเป็นสนับสนุนการออมระยะยาว

“เราเตรียมนำแนวทางที่ไปเสนอระดับนโยบายเพื่อพิจารณาอนุมัติ เชื่อว่า จะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ เพราะกองทุนนี้จะมาทดแทนกองทุนแอลทีเอฟ”

ทั้งนี้ การลดหย่อนภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาวดังกล่าว เป็นหนึ่งในแนวทางการปรับปรุงค่าลดหย่อนและยกเว้นทางภาษีทั้งหมดที่กรมสรรพากรกำลังพิจารณา โดยค่าลดหย่อนและการยกเว้นภาษีดังกล่าวนั้น มีจำนวนมาก ซึ่งรวมๆแล้วเงินลดหย่อนยกเว้นทั้งหมดทุกรายการรวมเป็นวงเงินสูงสุดที่ 2 ล้านบาท

โดยกลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากค่าหย่อนนั้น คือ คนรวย 20 % แรกของประเทศ ฉะนั้น แนวทางการปรับปรุงของกรมสรรพากรนั้น จะทำให้คนรวยได้รับค่าลดหย่อน น้อยลง ขณะที่ จะไปเพิ่มค่าลดหย่อนให้คนชั้นกลาง เพื่อลดภาระภาษีให้กับคนชั้นกลางมากขึ้น

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สศค. มีแนวคิดจัดตั้งกองทุนรวมหุ้นยั่งยืน(SEF) โดยเน้นลงทุนในหุ้นยั่งยืน หุ้นธรรมาภิบาล และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานไม่น้อยกว่า 65% ของสินทรัพย์สุทธิ และต้องถือครองไม่น้อยกว่า 7ปีปฎิทิน สามารถหักลดหย่อนได้ถึง 30% ของรายได้พึงประเมิน แต่มียอดสูงสุดไม่เกิน 250,000 บาท