ลุ้นสงครามการค้ายุติเหตุเจรจา“สหรัฐ-จีน”ใกล้สรุป

ลุ้นสงครามการค้ายุติเหตุเจรจา“สหรัฐ-จีน”ใกล้สรุป

ลุ้นสงครามการค้ายุติหลังเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนยืนยันการเจรจาเนื้อหาข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่งใกล้ได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว

ตลาดหุ้น ตลาดทุน และตลาดน้ำมันขานรับข่าวดีการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนใกล้ได้ข้อสรุป หลังจากได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนว่า ใกล้สรุปเนื้อหาข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่งแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเจรจากันทางโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์ (25ต.ค.)ตามเวลาสหรัฐ

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ แถลงว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าในประเด็นเฉพาะและใกล้จะสรุปบางส่วนในข้อตกลงได้แล้ว โดยการเจรจาในระดับผู้ช่วยจะยังดำเนินต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งใหม่ในเร็ว ๆ นี้

เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์จีน ลงแถลงการณ์ในช่วงเช้าของวานนี้ (26ต.ค.)ว่า การเจรจาทางเทคนิคในบางส่วนของข้อตกลงการค้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายยืนยันตรงกันว่า สหรัฐจะนำเข้าไก่ปรุงสุกและผลิตภัณฑ์ปลาดุกจากจีน ขณะที่จีนจะยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ

สหรัฐและจีนกำลังสรุปเนื้อหาข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ด้วยความหวังว่า จะสามารถลงนามกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้ระหว่างไปประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปค)ที่ชิลีในเดือนหน้า

แหล่งข่าวเผยว่า จีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกแผนการเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 156,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.7 ล้านล้านบาท) ในวันที่ 15 ธ.ค. และยกเลิกภาษี 15% ที่เก็บกับสินค้าจีนมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.77 ล้านล้านบาท) ไปตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. แลกกับการที่จีนจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐ เช่น ถั่วเหลือง

ขณะที่สหรัฐ ต้องการให้จีนรับปากว่าจะซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในเวลาและราคาที่กำหนดชัดเจน แต่จีนต้องการซื้อตามสภาวะตลาดมากกว่า

“ดีเรค ซิสเซอร์ส” ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน จากสถาบันวิสาหกิจอเมริกัน ให้ความเห็นว่า การเจรจาการค้าสหรัฐและจีนเปลี่ยนแปลงไปมารวดเร็วมาก แต่การบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจให้จีนอยากเจรจาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้งสหรัฐในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน มีขึ้นในวันเดียวกับที่กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ 9.84 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2562 โดยเพิ่มขึ้น 26% จากปี 2561 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

ตัวเลขขาดดุลดังกล่าวเทียบเท่ากับ 4.6% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ และเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ตัวเลขขาดดุลดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่มีการคาดการณ์กันไว้ หลังจากที่ทำเนียบขาวออกมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้

กระทรวงการคลัง เปิดเผยด้วยว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ที่ระดับ 2.30 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% ส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากรอยู่ที่ 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าที่สหรัฐทำกับจีน พ่นพิษใส่เศรษฐกิจสหรัฐโดยตรง โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเดือนกันยายนอยู่ที่ 47.8% ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ถือเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ขณะที่ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออกเดือนกันยายนอยู่ที่ 41% ต่ำสุดในรอบ 10 ปีเช่นกัน โดยต่ำกว่าเดือนสิงหาคมซึ่งอยู่ที่ 43.3% ซึ่งดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ

ภาคการผลิตของสหรัฐ เริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวตั้งแต่เดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน

ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

ผลพวงจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ตลาดหุ้นยุโรป ปิดตลาดวันศุกร์ (25 ต.ค.) ปรับตัวขึ้นมากสุดในรอบ 22 เดือน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.16% ปิดที่ 398.01 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,722.15 จุด เพิ่มขึ้น 37.82 จุด หรือ +0.67% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,894.51 จุด เพิ่มขึ้น 22.41 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,324.47 จุด ลดลง 3.78 จุด หรือ -0.05%

ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดตลาดปรับตัวขึ้น152.53 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 26,958.06 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 12.26 จุดหรือ 0.41% ปิดที่ 3,022.55 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 57.32 จุดหรือ 0.7% ปิดที่ 8,243.12 จุด