จบดีลผู้ถือหุ้นใหญ่ 'โนเบิล' จับตาดึงต่างชาติรุกอสังหาฯ

จบดีลผู้ถือหุ้นใหญ่ 'โนเบิล'   จับตาดึงต่างชาติรุกอสังหาฯ

การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจย่อมเกิดขึ้นได้เสมอแต่การเปลี่ยนเจ้าของย่อมเกิดขึ้นไม่บ่อยยิ่งเป็นเจ้าของที่ปลุกปั้นธุรกิจมากับมือมักจะมีความเป็นเจ้าของ ความหวงแหน และต้องการส่งต่อธุรกิจที่ทำให้กับทายาท

    การเปลี่ยนแปลงเจ้าของหุ้น บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE จึงเป็นที่น่าสนใจว่าธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

    เดิมผู้ถือหุ้นใหญ่และเจ้าของที่บุกเบิกธุรกิจ ‘กิตติ ธนากิจอำนวย ‘ ด้วยการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2540 จนปี 2562 หรือเกือบ 23 ปี มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้เห็นออกมาช่วงเดือน มิ.ย. ปี 2561

    โดย ‘กิตติ ‘ เป็นผู้ถือถือหุ้นอันดับ 2 ร่วมกับ กลุ่ม nCrowne เข้ามาซื้อหุ้นจากรายการขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot) จากผู้ถือหุ้นต่างชาติ และรายย่อย ด้วยเม็ดเงินร่วมกัน 2,400 ล้านบาท ส่งผลทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 แทน

   ช่วง เดือน เม.ย. ปี 2562 ‘กิตติ’ มีรายการขายหุ้น Big Lot ออกมาจำนวน 135.15 ล้านหุ้น คิดเป็น 29.61 % ที่ราคาเฉลี่ย 13.04 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,762.35 ล้านบาท ส่งผลทำให้สัดส่วนถือหุ้นลดลงจาก 48.46 % เหลือ 18.85 %

   โดยกลุ่มที่เข้ามาซื้อหุ้น ปรากฎรายชื่อ ‘ธงชัย บุศราพันธ์’ ซึ่งเคยเป็นลูกหม้อของโนเบิลก่อนออกไปบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่น ขึ้นมาถือหุ้น 19.11 % รวมไปถึงบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่สัดส่วน 9.11 %

   การเปลี่ยนแปลง สัดส่วนถือครองหุ้นทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการประกาศรุกธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้บริษัทร่วมทุน (JV) กับทาง Hongkong Land หรือ HKL ด้านหุ้นที่ยังถือครองโดย ‘กิตติ’ อีก 18 % ประกาศจะลดสัดส่วนถือหุ้นในอนาคต หลังจากเต็มอิ่มกับธุรกิจนี้แล้วและต้องเปิดทางให้รายอื่นเข้ามาบริหารงานแทน

   ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมาปรากฎ Big Lot หุ้น NOBLE ส่วนของ ‘กิตติ’ จำนวน 80 หุ้น หรือคิดเป็น 17.66% ราคาเฉลี่ย 22.82 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,825.6 ล้านบาท โดยมี nCrowne (รวมหุ้นที่ถืออยู่ในนาม UBS AG SINGAPORE BRANCH) ถือหุ้นเพิ่มเป็น 24.93% จากเดิม 18.10% และ ‘ธงชัย’ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 24.93% จาก 19.11% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวจึงไม่จำเป็นต้องทำเทนดเดอร์ ออฟเฟอร์จากรายย่อย

   หุ้นโนเบิลวันนี้เท่ากับ เอ็นเกมทั้งสองฝั่ง นั้นคือทุนเก่าได้ผลตอบแทนจากการขายหุ้นออกไป แถมยังได้รับเงินปันผลเป็นของแถม เช่นเดียวกับกลุ่มทุนใหม่ที่เข้ามาลงทุนพร้อมกับได้เงินปันผลปันที่รีดจากบริษัทไปพร้อมกัน

   ตามประวัติการจ่ายปันผลของโนเบิลในอดีตจะพบว่ามีการจ่ายปันผลปี 2557 ที่ 0.10 บาท และเว้นจ่ายปันผลปี 2558-2560 จนกระทั้งปี 2561 มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล 6.90 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลสูงถึง 34.5 %

   ขณะที่ในปี 2562 ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล ที่ 5.20 บาท ต่อหุ้น คิดเป็นเม็ดเงิน 2,400 ล้านบาท ขึ้นเครื่องหมาย XD 25 ก.ย. และรับปันผล 10 ต.ค. ทำเอานักลงทุนตาโตเป็นแถวเพราะเทียบกับ อัตรากำไรต่อหุ้นเพียง 3.23 บาทต่อหุ้น แถมเป็นการจ่ายจากกำไรสะสมส่วนหนึ่ง จากที่มีในงวดสิ้นไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 5,700 ล้านบาท มีกระแสเงินสดและเงินลงทุนประมาณ 1,185 ล้านบาท ดูแล้วไม่เพียงพอทำให้มองว่าอาจจะต้องมีการกู้มาจ่ายปันผล

   จนกระทั่งบริษัทประกาศขายที่ดินถนนเพลินจิตมูลค่า 2,000 -3,000 ล้านบาทให้กับกลุ่ม JV ซึ่งโนเบิลถือหุ้น 26 % และ HKL ถือหุ้น 74 % เพื่อนำที่ดินไปพัฒนาคอนโดมีเนียมซุปเปอร์ลักซัวรี่มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายในช่วงปลายปีนี้

   หากมองในมุมมองของนักลงทุนเป็นการนำทั้งเงินสด กำไรสะสม สินทรัพย์ที่มีมูลค่า ออกมาคืนให้ผู้ถือหุ้นในรูปของการจ่ายปันผลครั้งมโหฬารของโนเบิลเลยก็ว่าได้ ขณะที่ นักวิเคราะห์ให้เป็นบวกหมดเรื่องค้างคา หลังทำBig Lot หลายครั้ง นักลงทุนไม่แน่ใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับบริษัท และราคาหุ้นขึ้นลงไปตามราคาที่ทำ Big Lot จากนี้ไปกลายเป็นสตอรี่ใหม่และโฉมใหม่ของโนเบิลแทน