'พี สะเดิด' ร้องตำรวจ ปอท. โวยถูกใส่ร้ายฉ้อโกงเงินวัด

"พี สะเดิด" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของผลงานเพลง "จี่หอย" พร้อมทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความตำรวจ ปอท. หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกงเงินวัด จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.62 นายพีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล หรือ "พี สะเดิด" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของผลงานเพลงจี่หอย พร้อมทนายความ นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. จากกรณีมีบุคคลไม่หวังดีโพสต์ข้อความกล่าวหาในสื่อโซเชียลว่า จัดทัวร์คอนเสิร์ตในต่างประเทศ โดยใช้ชื่อ “โครงการสืบทอดศาสนาสืบสานวัฒนธรรม" เพื่อนำเงินไปสร้างวัดไทย และบำรุงศาสนาพุทธในต่างแดน” แต่ความจริงคือการใช้ชื่อโครงการเพื่อบังหน้าหารายได้ให้ตัวเอง โดยเรียกเงินจากวัดเป็นเงินจำนวน 6,000 ยูโร ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

นายพีรพัฒน์ กล่าวว่า แฟนคลับของตน ได้ไปพบเห็นโพสต์ที่กล่าวหาตน และทีมงานว่าโกงเงินค่างานแสดงในโครงการสืบทอดศาสนาสืบสานวัฒนธรรมไทยที่ยุโรป บน “เพจสตรีไทยที่ฝรั่งเศส” ซึ่งมียอดติดตามกว่า 5,000 ราย ทำให้ตนกับทีมงานรู้สึกตกใจ และบั่นทอนจิตใจเป็นอย่างมาก จึงต้องขอชี้แจงว่าแรกเริ่มโครงการดังกล่าวเกิดหลังจากที่มีพระไทยรูปหนึ่ง มาชักชวนทำกฐินทอดผ้าป่า และเมื่อตนไปเห็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของวัดดังกล่าว พบว่ามีลักษณะเป็นเหมือนบ้านเช่า ตนจึงรับปากกับพระ และขอาอสาบำรุงปฏิสังขรสถานที่ให้ โดยเริ่มทำโครงการดังกล่าวขึ้นมาจนปัจจุบันก็เป็นเวลา 7 ปี มีเพื่อนดารามาร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมและเล่นกีฬากับชาวต่างชาติกันตลอด ซึ่งโครงการก็จบลงด้วยดี โดยเงินจากการแสดงคอนเสิร์ตได้มอบให้วัดทั้งหมด หักค่าใช้จ่ายแค่ 250,000 บาท เพื่อเป็นค่าที่พักค่าเดินทางของทีมงานเท่านั้น ส่วนทางวัดจะได้เงินจากการที่ตนเองไปแสดงคอนเสิร์ตเท่าไหร่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด เพราะทางวัดจะเป็นผู้ดำเนินการกับเงินทั้งหมด ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเงินเข้าบัญชีวัดโดยตรงหรือไม่ นอกจากนี้ หากวัดใดที่เดือดร้อน หรือต้องการความช่วยเหลือ ตนเองก็จะไม่รับเงินจากการแสดงคอนเสิร์ต

สำหรับบุคคลที่กล่าวหาว่าตนเองฉ้อโกงนั้น เบื้องต้นพบเป็นพ่อค้าซึ่งขายของอยู่ในโรงทานที่วัดในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตนเองเคยไปแสดงคอนเสิร์ต ภายในวัดดังกล่าว เบื้องต้นเชื่อว่า พ่อค้ารายนี้น่าจะไปรับฟังข้อมูลที่บิดเบือน จึงนำมาเผยแพร่โดยไม่ทราบความจริง แต่ว่าการกระทำดังกล่าว ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง มีผลกระทบต่ออาชีพ เพราะคนที่ไม่รู้ความจริงก็อาจจะเข้าใจผิดไปในวงกว้าง อีกทั้งยังเป็นการบั่นทอนกำลังใจของตนเองและจิตอาสาที่มาร่วมโครงการคนอื่น ๆ