“โพเมโล่”ฟาสต์ แฟชั่น เทค ก้าวใหญ่บนรันเวย์ดิจิทัล

“โพเมโล่”ฟาสต์ แฟชั่น เทค ก้าวใหญ่บนรันเวย์ดิจิทัล

เราต้องการเป็นแบรนด์ fast-fashion-tech ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“โพเมโล่ (Pomelo)” แฟชั่น เทค รายใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เติบโตบนเส้นทางสตาร์ทอัพ จากผู้ก่อตั้งเป็นชาวสิงคโปร์ ที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย และกำเนิดแบรนด์โพเมโล่ขึ้นในไทยเป็นครั้งแรก ผ่านการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดระดมทุนได้ถึง 52 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ หนึ่งในผู้ลงทุนนั้นมีชื่อของ เซ็นทรัล กรุ๊ป อยู่ด้วย โพเมโล่ นับเป็นสตาร์ทอัพแรกในไทยที่ระดมทุนในระดับ ซีรีส์ ซี ได้จนปัจจุบันระดมทุนได้ทั้งหมด 83 ล้านดอลลาร์

วันนี้ โพเมโล่ ขยายธุรกิจสู่ประเทศฮ่องกง และมาเลเซีย ทำยอดขายสินค้าวัดจาก GMV (Gross Merchandise Volume) เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า มีการเปิดตัวร้านใหม่ทั้งหมด 9 สาขาในประเทศไทย และเปิดร้านโพเมโล่ สาขาแรกของสิงคโปร์ในศูนย์กลางย่านชอปปิงที่ถนนออร์ชาร์ด โพเมโล่ ขยายสินค้าแฟชั่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นรักษ์โลกภายใต้แบรนด์ Purpose และเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ครั้งแรกภายใต้แบรนด์ BEET รวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้ชายชื่อว่า Pomelo Man

“เดวิด โจว” ซีอีโอ โพเมโล่ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ด้วยเทคโนโลยีด้านแฟชั่นที่ส่งตรงถึงลูกค้า ทำให้โพเมโล่พิสูจน์ตัวเองในการเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจแฟชั่นหลากหลายช่องทาง นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2556 เกือบ 30% ของยอดสั่งซื้อทั้งหมดได้จากระบบ โพเมโล่ พิค-อัพ (Pomelo Pick-Up) ช่องทางให้ลูกค้าได้ทดลองสวมเสื้อผ้าก่อนทำการซื้อ

“โพเมโล่เป็นมากกว่าแค่แบรนด์แฟชั่นออนไลน์ เรากำลังพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อผลิตสินค้าที่ดีขึ้น บริการที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของช่องทางการขายที่หลากหลายของเรา แฟชั่นยังคงมีความสำคัญในปัจจุบันไม่น้อยกว่าอดีต และเราตื่นเต้นที่จะสร้างหนทางใหม่ๆเพื่อที่จะให้นิยามใหม่สำหรับการเป็นแบรนด์แฟชั่น” ซีอีโอ โพเมโล่ กล่าว

มากกว่า “แฟชั่น ออนไลน์”

ข้อมูล โพเมโล่ ระบุว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดขายอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสูงขึ้นถึง 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 นับเป็นความท้าทายที่ของสตาร์ทอัพแฟชั่นเทคที่ก่อกำหนดขึ้นในไทยรายนี้ไม่น้อย

ล่าสุด โพเมโล่ วางแผนเปิดอีก 100 สาขาโพเมโล่ พาร์ทเนอร์ ภายในเดือนธันวาคม 2562 ร้านโพเมโล่ พาร์ทเนอร์ จะร่วมกับร้าน โพเมโล่ (9 สาขา) และสาขา โพเมโล่ พิค อัพ (9 สาขา)เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ออมนิชันแนล มีฟังก์ชั่นเป็นจุดสำหรับรับสินค้าที่ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าโพเมโล่ ให้มาส่ง ลองเสื้อผ้า และจ่ายเงินแค่สำหรับตัวที่ชอบ

“ฌอง โธมัส” ผู้บริหารฝ่ายการตลาด โพเมโล่ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ครั้งแรกหลังรับตำแหน่งนี้ได้ไม่นาน “ฌอง” เป็นลูกหม้ออดีตมือการตลาด ลาซาด้า กรุ๊ป การเข้ามาคุมทัพการตลาดโพเมโล่ครั้งนี้ จึงนับว่าน่าสนใจยิ่ง

"โพเมโล่ระดมทุนในส่วนที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ที่ผ่านมาระดมทุนในส่วนที่ช่วยให้ธุรกิจเราโตเร็วขึ้น และได้ประสิทธิผลมากขึ้น แต่ในระยะเวลา 6 เดือนจากนี้ หากมีสิ่งที่โพเมโล่อยากทดลองศึกษาอะไร อาจต้องเปิดระดมทุนอีกนิดหน่อย " ฌอง กล่าว

ตั้งเป้าสู่ ฟาสต์ แฟชั่น เทคเบอร์1

เป้าหมายของโพเมโล่จากนี้ ต้องการเป็นแบรนด์ fast-fashion-tech ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นชื่อแบรนด์ที่ลูกค้าต้องนึกถึงเมื่อพูดถึงแฟชั่น มีการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นมากกว่าสตาร์ทอัพไปสู่บริษัทใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาด

กลยุทธ์หลักที่โพเมโล่เน้นเป็นพิเศษ คือ สร้างประสิทธิภาพใน 3 ช่องทางหลัก 1. หน้าร้าน สำหรับโชว์เคสให้ลูกค้าเข้ามาสัมผัสเนื้อผ้าและลองเสื้อผ้า 2.จุดรับส่ง ปัจจุบันมีจุดรับส่งหนึ่งจุดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อารีย์ ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 40 ตารางเมตร และ 3.โพเมโล่ พาร์ทเนอร์ จับมือร่วมกับออฟฟิศ, โค เวิร์คกิ้ง สเปซ, ยิม เพื่อจัดห้องลองโพเมโล่ไว้รองรับลูกค้า

"โพเมโล่มุ่งสร้างประสบการณ์ซื้อของที่ไม่ยุ่งเหยิง ไร้ความเสี่ยง ไม่ต้องผูกมัดการสั่งลองเสื้อด้วยบัตรเครดิต ให้ลูกค้าโพเมโล่เดินไปลองเสื้อที่ไหนก็ได้ ในระยะทางที่เดินถึง ขณะที่มีสินค้าใหม่ๆ วางขายเพิ่มทุกสัปดาห์ อยากให้โพเมโล่เป็นการช้อปที่ครบจบในที่เดียว ลูกค้าสามารถหาซื้อทุกอย่างที่ต้องการครบ ทั้งเสื้อผ้า, เครื่องประดับ, รองเท้า ชุดออกกำลังกาย อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เรากำลังทำ คือ สร้างแบรนด์ย่อยที่ใช้ชื่อต่างจากโพเมโล่ ล่าสุดนี้ คือ แบรนด์เครื่องสำอาง BEET และเสื้อผ้ารักษ์โลกรุ่น PURPOSE เนื้อผ้าทำจากการรีไซเคิลพลาสติก เหล่านี้ คือ สิ่งที่เรามีและเชื่อว่าเป็นจุดแข็งของโพเมโล่" ฌอง เล่า

ราคาเสื้อผ้าสไตล์โพเมโล่ มีความใกล้เคียงกับแบรนด์อื่น จึงสามารถแข่งขันได้ในตลาด หากสิ่งที่ต้องทำมากกว่า คือ ความพิถีพิถันพัฒนาสินค้า ขายสินค้าที่พรีเมียมขึ้น

"เพราะลูกค้ามีความต้องการไม่เหมือนกันสำหรับการใช้งานหลายรูปแบบ พรีเมียมไม่ได้แปลว่าแพงเสมอไป เราตั้งใจนำเสนอสินค้าที่คุณภาพดีเท่ากัน แต่ในราคาที่น้อยกว่า ตอกย้ำว่าโพเมโล่เป็นแบรนด์ fast-fashion ในราคาย่อมเยา"

ดึง “นวัตกรรม”ขับเคลื่อน

อีกจุดแข็งของโพเมโล่ที่เป็นตัวสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจ คือ การลงทุนเทคโนโลยี ฌอง บอกว่า "โพเมโล่มุ่งในเรื่องของนวัตกรรมก่อนเสมอ" พยายามลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน การดำเนินการ และการค้าปลีก ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี

"เราลงทุนพัฒนานวัตกรรมรูปแบบเพอร์ซันนัลไลซ์ มองลูกค้าเป็นหลัก เช่น ลูกค้าที่ดูสินค้าผ่านเว็บจะเห็นในสิ่งที่ตัวเองชอบทันที "

ปัจจุบันโพเมโล่ โฟกัสทั้งส่วนที่เป็นหน้าร้าน และช่องทางออนไลน์ เป็นออมนิแชนนัล เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ธุรกิจที่สมบูรณ์ให้ทั้งสองระบบเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน

ชี้ “ไทย”ตลาดใหญ่สำคัญ

มือหนึ่งการตลาด โพเมโล่ ยังบอกว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมาก มีฐานลูกค้าใหญ่สุด พนักงานมากที่สุด นักลงทุนมากที่สุด คนไทยเชื่อมั่นในแบรนด์โพเมโล่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีความสนใจในเรื่องของแฟชั่น ส่วนฐานลูกค้าหลักอยู่ในช่วงอายุ 18-40 ปี โดยอายุ 25-35 ปี เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

ฌอง บอกด้วยว่า เทรนด์อีคอมเมิร์ซในไทย มีการแข่งขันสูงมาก การขยายช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าโพเมโล่ได้มากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ขณะที่โซเชียล คอมเมิร์ซ ก็ไปได้ดี คนไทยส่วนใหญ่ตามเทรนด์จากโซเชียลมีเดีย ซึ่งโพเมโล่เริ่มทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ที่เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อเทรนด์ต่างๆ ด้วย