Window dressing

Window dressing

ภาวะตลาดจะยังได้ปัจจัยบวกจากความคาดหวังการเจรจาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนรอบใหม่ในวันที่ 10 – 11 ต.ค.

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ปรับขึ้น +7.01 จุด (+0.43%) ปิดที่ระดับ 1,643 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท ตอบรับสถานการณ์ Tradewar ที่เป็นบวกหลังสหรัฐ-จีนกำหนดวันเจรจาการค้ารอบใหม่ในวันที่ 10 – 11 ต.ค. ประกอบกับแรงซื้อทำ Window dressing ปิด 3Q19 ช่วยหนุนดัชนี ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่ม COMM, FIN และ HEALTH ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,784 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 4,393 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 296 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,635 - 1,650 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังได้ปัจจัยบวกจากความคาดหวังการเจรจาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนรอบใหม่ในวันที่ 10 – 11 ต.ค. ประกอบกับการทำ Window dressing ปิด 3Q19  อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากข่าวสหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีนและปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงความกังวลการเมืองสหรัฐประเด็นไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งหลังถูกกล่าวโทษว่าติดต่อกับรัฐบาลต่างชาติเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐในปี 2020  และทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกจะเป็นแรงกดดันต่อดัชนี ดังนั้นแนะนำรอซื้อเล่นรีบาวด์ช่วงอ่อนตัว กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มท่องเที่ยว (ERW, MINT ) และส่งออก (GFPT, TU) ครม.เศรษฐกิจจะพิจารณามาตรการกระตุ้นศก.ด้านการส่งออก-ท่องเที่ยวในวันที่ 7 ต.ค.
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • Defensive stock AOT, INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TTW, CPALL

หุ้นแนะนำวันนี้

  • SPA (ปิด 14.9 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 15) “ชิม ช้อป ใช้” ยอดลงทะเบียนทุบสถิติเต็มจำนวน 1 ล้านคนตลอด 7 วัน สัปดาห์นี้ได้ผลบวกโดยตรงจาก China Golden week 1-7 ต.ค. เนื่องจาก SPA มีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนคิดเป็น 50% ของรายได้รวม
  • BCH (ปิด 15.7 ซื้อ/เป้า 19 บาท) ราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากมองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 3Q19 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2017)

บทวิเคราะห์วันนี้

Transportation sector (Top pick: BTS), Thailand Strategy (ไตรมาสใหม่ แต่ประเด็นเดิม)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+/-) ข่าวสหรัฐเตรียมถอดถอนบริษัทจีนในตลาดหุ้นสหรัฐกดดันดาวโจนส์ปิดลบ แต่ล่าสุดกระทรวงการคลังสหรัฐออกมาปฏิเสธข่าวแล้ว: เมื่อวันศุกร์ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 70.87 จุด (-0.25%) ปิดที่ระดับ 26,820 จุด จากข่าวสหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐนับเป็น Sentiment ต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐรวมถึงจีนและประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตามล่าสุดกระทรวงการคลังของสหรัฐออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วโดยระบุว่าปัจจุบันสหรัฐยังไม่มีแผนที่จะถอดถอนกลุ่มบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐออกจากตลาด คาดส่งผลบวกโดยตรงต่อการลงทุนในตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ตลาดหุ้นจีน รวมถึงตลาดหุ้นอื่นๆในเช้าวันนี้
  • (+) กลุ่มท่องเที่ยว – รับอานิสงส์ Golden week ของจีนในช่วงวันที่ 1-7 ต.ค. Top pick: AOT, MINT และ ERW: ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ (1-7 ต.ค.) สถานที่ราชการ และสถานที่ทำงานต่างๆของจีนจะหยุดทำการเพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับวันชาติของจีนซึ่งปีนี้เป็นการครบรอบ 70 ปี ทั้งนี้โดยปกติประชาชนชาวจีนจะเดินทางกลับบ้านและเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นยังเชื่อว่าประเทศไทยจะยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวจีน โดยสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) คาดจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในช่วง Golden week ของปีนี้ประมาณ 2.7 แสนคน เพิ่มขึ้น 10%yoy  เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยเราเลือก AOT, MINT และ ERW เป็น Top pick ของกลุ่ม
  • (+) กลุ่มโรงพยาบาล - รัฐหนุน Medical Visa ให้กับผู้ป่วยชาวต่างชาติ เป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล Top pick: BDMS, BCH และ CHG: ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) มีมติให้เพิ่มจำนวนประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับผู้ป่วยที่เข้ามารักษาพยาบาลในไทยเป็นเวลา 90 วัน เพิ่มอีก 2 ประเทศคือ สหรัฐ และญี่ปุ่น ส่งผลให้มีจำนวนประเทศที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 13 ประเทศจากเดิมมีเพียง 11 ประเทศ และเห็นชอบในแนวทางการออกวีซ่าแบบใหม่เป็นกลุ่มประเภทรักษาพยาบาลโดยตรง (Medical Visa) ซึ่งวีซ่าประเภทนี้จะให้สิทธิ์กับชาวต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี ขั้นตอนจากนี้เรานำเข้าที่ประชุมครม.และอนุมัติต่อไป เรามองเป็นผลบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มีฐานลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ อาทิ BH, BDMS และ BCH Top pick กลุ่มโรงพยาบาลเรายังชอบ BDMS, BCH และ CHG