โทษประหาร “นวัธ” เข้าคุก-พ้นส.ส. ศาลไม่ให้ประกัน “คดีจ้างฆ่า”

โทษประหาร “นวัธ” เข้าคุก-พ้นส.ส. ศาลไม่ให้ประกัน “คดีจ้างฆ่า”

ศาลพิพากษาประหาร “นวัธ เตาะเจริญสุข” ส.ส.ขอนแก่น เพื่อไทย จ้างฆ่าอดีตปลัด อบจ.คุมตัวเข้าคุก วืดประกันระหว่างอุทธรณ์สู้คดี อดีต กรธ.ชี้หากไม่ได้ประกันต้องพ้นสภาพ แม้คดีแค่ศาลชั้นต้น กกต.แจกใบเหลือง “กรุง ศรีวิไล “ สมุทรปราการ เขต 5 เหตุคนใกล้ชิดใส่ซอง

ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น วานนี้(24 ก.ย.) ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย(พท.) เป็นจำเลยในความผิดจ้างวานฆ่า นายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น (อบจ.ขอนแก่น) เสียชีวิต โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่หน้าบ้านพักในพื้นที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2556  

ทั้งนี้หลังการจับกุมผู้ต้องหา 5 รายที่ร่วมก่อเหตุ ประกอบด้วย ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญผล จำเลยที่ 1 พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม รอง ผกก.(ป.) สภ.หนองเรือ จำเลยที่ 2 นายประพันธ์ ศรีพิลัย จำเลยที่ 3 นายบุญช่วย จูงกลาง จำเลยที่ 4 และนายปิยะพงษ์ มีกำบัง จำเลยที่ 5 ได้เข้าสู่การดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม กระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษา ตัดสินให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายรับโทษไปแล้ว แต่เนื่องจากการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนพบความเชื่อมโยงถึงนายนวัธ เตาะเจริญสุข ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่นด้วย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา จ้างวานฆ่านายสุชาติ และนำมาการตัดสินคดีที่ศาลจังหวัดขอนแก่น เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.)

ขณะที่การพิจารณาคดี เมื่อวานนี้( 24 ก.ย.) ศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์รับฟังได้ว่า มูลเหตุในการฆ่าผู้ตายมาจากเรื่องชู้สาว ที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยานายนวัธ ส่วนการกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าในความผิดฐานใช้ จ้างวาน ยุยง ส่งเสริมให้บุคคลอื่นกระทำความผิดนั้น ก่อนกระทำความผิด จะต้องมีการวางแผน เพื่อปกปิดการกระทำความผิด จึงยากที่จะหาประจักษ์พยานรู้เห็นได้ 

คำซัดทอดจากผู้ก่อเหตุน่าเชื่อถือ

แต่ในคดีฝ่ายโจทก์ มีบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของ ด.ต.วีระศักดิ์ ยืนยันความเชื่อมโยงคดีที่มีร่วมกับนายนวัธ ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ ไปจนถึงวันเกิดเหตุ ที่ พ.ต.ท.สมจิต และนายประพันธ์ ใช้อาวุธปืนยิงอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น ซึ่งรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในความรับรู้ของ ด.ต.วีระศักดิ์ ยากที่พนักงานสอบสวนจะปั้นแต่ง เพื่อเอาผิดจำเลยได้ และเป็นการให้การหลังเกิดเหตุไม่นาน ด.ต.วีระศักดิ์ ย่อมไม่มีเวลาคิดไตร่ตรอง เพื่อปรักปรำหรือช่วยเหลือฝ่ายใด ชี้ให้เห็นว่า ด.ต.วีระศักดิ์ ให้การด้วยความสมัครใจ คำให้การในชั้นสอบสวนจึงน่าเชื่อถือ 

พยานหลักฐานปราศจากข้อสงสัย

นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า หลักฐานการติดต่อสื่อสารระหว่าง พ.ต.ท.สมจิต และนายนวัธ ในฐานะจำเลย ในช่วงก่อนวันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุ ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ สอดคล้องกับพยานแวดล้อมของฝ่ายโจทก์ จนรับฟังได้ โดยปราศจากข้อสงสัยว่านายนวัธเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อนจริง 

จึงมีคำพิพากษาว่า นายนวัธ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 84 ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปีนับแต่วันที่ 3 พ.ค.2556 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรับฟังคำพิพากษานายนวัธได้นำโฉนดที่ดิน มูลค่า 8 ล้านบาท เป็นหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัว ระหว่างสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งคาดว่าญาติของนายนวัธ จะนำหลักทรัพย์มายื่นเพิ่มเติมในวันถัดไป เจ้าหน้าที่ทัณฑสถาน จึงได้รับตัวนายนวัธไปควบคุมไว้ที่เรือนจำขอนแก่น 

ทั้งนี้ จากการที่ศาลไม่ให้ประกันตัว ทำให้นายนวัธ ต้องถูกคำสั่งขังโดยหมายศาล อาจทำให้สิ้นสภาพความเป็น ส.ส. เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ ส.ส.ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ คือมาตรา 98 (6) ที่ห้ามผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาลเป็น ส.ส. รวมถึง มาตรา 101 (13) ของรัฐธรรมนูญ ระบุการสิ้นสมาชิกภาพของ ส.ส. กรณีสิ้นสภาพเพราะต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แม้จะมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

อ.เจษฎ์ชี้ชัด“นวัธ”ต้องพ้น ส.ส.

ขณะที่ รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ต้องรอการพิจารณาว่านายนวัธ จะสามารถประกันตัวได้หรือไม่ เพราะหากต้องถูกคุมขังโดยหมายของศาล จะถือว่าสิ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.โดยทันที ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ​มาตรา 98 (6) ที่ระบุว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล แต่หากนายนวัธ สามารถประกันตัวได้ สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ยังคงอยู่ไปจนกว่า จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด

“โทษประหารชีวิตในรัฐธรรมนูญ ไม่มีบัญญัติไว้ว่า ต้องกระทบต่อสมาชิกภาพอย่างไร แต่ผมมองว่า หากต้องโทษประหารชีวิต ก่อนนำตัวไปประหาร ต้องถูกคุมขังอยู่แล้ว ดังนั้นจะเข้าบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ ว่าด้วยการสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. แต่หากนายนวัธสามารถประกันตัวได้ สมาชิกภาพ ส.ส.​ยังมีต่อไป จนกว่าจะสู้กันถึงชั้นฎีกา” นายเจษฎ์ กล่าว

เพื่อไทยเตรียมถกกก.บห.

ขณะที่ความเห็นจากพรรคเพื่อไทย(พท.) โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ระบุว่า ตอนนี้ยังเป็นศาลชั้นต้น เข้าใจว่านายนวัธ คงจะขออุทธรณ์ และฎีกาต่อไป วันนี้คดียังไม่ถึงที่สุด นายนวัธ ยังสามารถทำหน้าที่ ส.ส.และร่วมโหวตได้ แต่ในการทำงานมิติอื่น ต้องมาดูกันอีกว่าเราจะปรับการทำงานอะไรหรือไม่ หากศาลไม่ให้ประกันตัวก็คงจะกระทบมาถึงพรรค แต่ก็ไม่ได้มาก ไม่ได้หมายความว่าพรรคจะทำงานไม่ได้

ส่วนหากศาลสั่งจำคุกถือว่าขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส.หรือไม่นั้น นายสุทิน กล่าวว่า ต้องดูในเรื่องข้อกฎหมายอีกที ไม่รู้จะมีการตีความว่าอย่างไร

ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยต้องหารือเรื่องดังกล่าวว่าจะมีผลหรือไม่ หากกรณีดังกล่าวกระทบต่อสมาชิกภาพ และทำให้นายนวัธ ต้องพ้นความเป็น ส.ส. หากประกันตัวไม่สำเร็จ เป็นธรรมดาทางการเมืองที่พรรคต้องจำเป็นต้องหาคนทำหน้าที่ หากกระบวนการพิจารณาถึงที่สุดแล้ว

ลุ้นเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า จากกรณีศาลจังหวัดขอนแก่นไม่อนุญาตให้นายนวัธ ประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ทำให้นายนวัธสิ้นสภาพการเป็น ส.ส.จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 ประกอบมาตรา 105(1) ดังนั้น หากนับจากวันที่นายนวัธถูกคำสั่งขังโดยหมายของศาล ออกไป 45 วันจะครบในวันที่ 8 พ.ย.นี้ แต่กฎหมายกำหนดให้เลือกตั้งวันอาทิตย์ ซึ่งวันอาทิตย์สุดท้ายของกรอบเวลา 45 วัน คือวันที่ 3 พ.ย.นี้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่าสำนักงาน กกต. กำลังรอพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.นครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5 แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีการทูลเกล้าฯไปก่อนหน้านี้

ใบเหลือง “กรุง ศรีวิไล”พปชร.

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงปลายส.ค.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีมติเสนอสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือให้ใบเหลือง นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สุมทรปราการ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ จากกรณีบุคคลใกล้ชิดใส่ซองช่วยงานศพ ซึ่งกกต.เห็นว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 73(1) ให้ เสนอให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเอง และมีมติเสนอสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือใบแดง และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัคร หรือใบดำ นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากเหตุซื้อเสียง 

โดยทั้ง 2 กรณีอยู่ระหว่าง กกต.ยกร่างคำวินิจฉัยและคำร้องเพื่อยื่นต่อศาลฎีกาตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 133 นอกจากนี้ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญาผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง 2 รายคือ นายโอวภัทร คลังเพ็ชร์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 พิษณุโลก พรรคภราดรภาพ และนายทินกร แก้วกล้า ผู้สมัครส.ส.เขต 4 เชียงราย พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้สมัคร 5 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีของนายกรุงศรีวิไล และนายชาติชายนั้น หากศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามที่ กกต.เสนอภายในระยะเวลา 1 ปีนับจากวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 ก็จะต้องมีการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใหม่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 131 โดยจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายกรุงศรีวิไล ได้รับเลือกตั้ง 41,745 คะแนน และนายชาติชาย ได้อันดับ 3 ได้ 19,711 คะแนน แต่หากศาลฎีกา มีคำพิพากษาหลังพ้นระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้งไปแล้ว ก็จะไม่มีการคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่

สำหรับสถิติเรื่องร้องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้ง ณ.วันที่ 23 ก.ย. พบว่า กกต.มีเรื่องคัดค้าน 583 เรื่อง สั่งรับคำร้องหรือความปรากฏไว้ดำเนินการสืบสวนไต่สวน 355 เรื่อง จำหน่ายและรวมสำนวน 74 เรื่อง เหลือสำนวนที่ต้องดำเนินการ 281 สำนวน กกต.วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว 144 สำนวน ยกคำร้องและยุติเรื่อง 134 สำนวน ยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด 137 สำนวน