โยนกกต.ชี้ขาดเงินกู้‘อนาคตใหม่’ ‘วิษณุ’แนะเทียบคดีเก่า ‘เจษฎ์’ชี้อ้างหลักธุรกิจไม่ได้

โยนกกต.ชี้ขาดเงินกู้‘อนาคตใหม่’ ‘วิษณุ’แนะเทียบคดีเก่า ‘เจษฎ์’ชี้อ้างหลักธุรกิจไม่ได้

“วิษณุ” โยนกกต.ชี้ขาด“ธนาธร” ปล่อยกู้พรรคอนาคตใหม่ ชี้ช่องเทียบเคียงคดีเก่า ด้าน“เจษฎ์” แนะตีความ “องค์กรเอกชน-มหาชน” ชี้อ้างหลักกฎหมายธุรกิจเทียบเคียงบริษัท-ห้างหุ้นส่วนไม่ได้ “ศรีสุวรรณ” จี้กกต.ตรวจสัญญา ขณะที่นายกฯพบชาวไทยในสหรัฐ ลั่นไม่คิดขัดแย้ง

ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 191 ล้านบาท นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบอยู่ หากพูดอะไรจะกลายเป็นการชี้นำ

เมื่อถามว่า หากผลเป็นลบจะต้องมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ใหม่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากเหตุเกิดภายใน 1 ปีหลังเลือกตั้งต้องคำนวณใหม่ โดยจะเอาคะแนนมาคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ทั้งหมด อาจจะกระทบบ้าง แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องของการทุจริต เช่น ส.ส.ลาออก ที่เขต 5 จ.นครปฐม หรือ ส.ส.ขาดคุณสมบัติ เพราะต้องคำพิพากษา ไม่ต้องคำนวณใหม่ 

ส่วนที่มีการมองว่าในมาตรา 62 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าด้วยเรื่องรายได้พรรคไม่ได้ระบุเรื่องกู้ยืมเอาไว้ ในทางกฎหมายแล้ว จะต้องยกประโยชน์ให้จำเลยหรือไม่นั้น ถ้ากฎหมายไม่เขียนไว้แล้วเป็นผลร้ายก็ต้องยกประโยชน์ แต่ถ้าไม่เขียนและเทียบเคียงได้ก็ต้องวินิจฉัย

ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ยังไม่เห็นวาระการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องการกู้ยืมเงินของพรรคอนาคตใหม่ ส่วนกรณีที่นายธนาธร ชี้แจงว่าเงินกู้ไม่ใช่เงินรายได้ของพรรคนั้น จะต้องไปดูข้อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต.ในวันนี้(24ก.ย.)ต้องจับตาไปที่การพิจารณาเรื่องดังกล่าว  ทั้งนี้สำนวนที่ทางสำนักงาน กกต.ฯเสนอไปยังคณะกรรมการ กกต. คาดว่าจะเป็นสำนวนสอบสวนเบื้องต้นโดยเฉพาะประเด็นข้อกฎหมายว่าพรรคการเมืองทั้งนี้หากกกต.เห็นว่าเข้าข่ายผิดก็คาดว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบความชัดเจนต่อไป

เทียบเคียงบริษัท-หจก.ไม่ได้

ขณะที่นายเจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)กล่าวว่า กรณีดังกล่าวต้องวางหลักการให้ชัดก่อนว่า พรรคการเมืองไทยมีสถานะเป็นองค์กรเอกชนหรือองค์กรมหาชน หากมีสถานะเป็นองค์กรเอกชนเหมือนบริษัทห้างร้านทั่วไป ก็มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติห้ามไว้ แต่ถ้าพรรคการเมืองมีสถานะเป็นองค์กรมหาชนซึ่งไม่ใช่องค์กรที่แสวงหากำไรเหมือนบริษัทห้างร้าน การจะทำอะไรในสิ่งที่แม้กฎหมายไม่ได้ห้าม ก็ทำไม่ได้ คือจะทำได้เฉพาะสิ่งที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น

ทั้งนี้มาตรา 62 ของพ.ร.ป.พรรคการเมืองระบุถึงรายได้พรรค7ช่องทางซึ่งไม่ได้บัญญัติเปิดช่องให้กู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ใดๆได้ หากตีความว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรเอกชน ก็จะสามารถกู้เงินได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บัญญัติห้าม แต่ถ้าตีความว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรมหาชน ก็จะไม่สามารถกู้เงินได้ เพราะกฎหมายบังคับให้มีรายได้จาก 7 ช่องทางนี้เท่านั้น เรื่องนี้ยังไม่มีบรรทัดฐานชัดเจน จึงต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและวางบรรทัดฐาน ส่วนที่นายธนาธรไปอ้างหลักกฎหมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้นั้น เป็นคนละเรื่องกัน และไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกับพรรคการเมืองได้เลย ประกอบกับองค์กรเอกชนเองก็มีหลายประเภท ทั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน ซึ่งแต่ประเภทก็มีข้อกำหนดแตกต่างกันไป และเป็นคนละเรื่องกับพรรคการเมือง

ยันธนาธรยังไม่ทำบลายด์ทรัสต์

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า กรณีที่นายธนาธร ยังไม่โอนทรัพย์สินไปยังบลายด์ทรัสต์ ตามที่เคยระบุไว้เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น หากย้อนไปดูข่าวมันคือการทำเอ็มโอยูกับบริษัทหลักทรัพย์ภัทรฯ ยังไม่ใช่การโอนทรัพย์สินแต่หากมีการรับตำแหน่งทางการเมืองแล้วจะดำเนินการตามนี้ ทันทีที่นายธนาธรได้รับตำแหน่ง ส.ส.ก็มีเรื่องที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จึงทำหนังสือไปถึงทางบริษัทหลักทรัพย์ภัทรฯ เลื่อนเอ็มโอยูไปก่อนจนกว่านายธนาธรจะเข้ารับตำแหน่งทำหน้าที่ส.ส.หากศาลตัดสินให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ นายธนาธรก็จะทำตามเอ็มโอยูที่ให้ไว้โดยเร็วที่สุด

ส่วนกรณีการปล่อนเงินกู้นอกจากในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธรยังให้นายชูชัย มุ่งเจริญพร อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กู้เงินนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายธนาธรที่จะให้ใครกู้เงิน ตนคงไม่สามารถไปทราบได้ การไปตั้งข้อสังเกตว่านายธนาธรให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กู้เงินนั้น คงเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว เพราะตอนนั้นยังไม่มีพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งนายธนาธรก็ให้กู้เงินหลายราย อาจจะรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจในตอนนั้น

จี้กกต.ตรวจสัญญาเงินกู้อนค.

วันเดียวกันนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงกกต.ขอให้ตรวจสัญญากู้ยืมเงินวงเงิน 191.2 ล้านบาท ระหว่างนายธนาธร กับพรรคอนาคตใหม่ ที่อาจขัดแย้งกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 87 และอาจมีโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 5 ปี และให้เงินทรัพย์สินส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง

นอกจากนี้นายศรีสุวรรณ ยังได้ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวนสอบสวน และวินิจฉัยกรณีการแสดงรายการทรัพย์สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 ราย คือ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หน.พรรคพลังไทยรักไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หน.พรรคไทยศิวิไลย์ ซึ่งได้แจ้งรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เป็นโคตรเหล็กไหลที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้าน มหาเหล็กไหล รวมถึงพระเครื่องต่าง ๆซึ่งอาจเป็นการจงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และอาจเข้าข่าย “ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย” ตามมาตรา3(5) ของ พรบ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 ซึ่งนักการเมืองอาจใช้เป็นข้ออ้างในการฟอกเงินเพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินแบบหลอกๆไปเป็นเงินสดในอนาคต

สมาคมฯจึงขอให้ป.ป.ช.ออกระเบียบหรือกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อปิดช่องโหว่ของการเลี่ยงบาลีในการแสดงบัญชีทรัพย์สิน และขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนว่า เป็นการฝ่าฝืน มาตรา 109 วรรคสาม ประกอบ มาตรา 114 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 หรือไม่

นายกฯลั่นไม่ต้องการขัดแย้ง

ส่วนความเคลื่อนไหวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวระหว่างพบชาวไทยในสหรัฐอเมริกา ตอนหนึ่งสถานการณ์และนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาล 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า สถานการณ์ในประเทศไทย จะไม่พูดเรื่องความขัดแย้ง เพราะประเทศกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง เวลานี้เสถียรภาพทางการเมืองไทยดีขึ้น ส่วนตัวไม่ได้ต้องการขัดแย้งกับใคร มีแต่คนที่ต้องการขัดแย้งกับตนตลอดเวลา

“5 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีงดเว้นการเยี่ยมเยียนต่างประเทศในระดับสูงบ้าง แต่ในช่วงนั้นผมก็สามารถเดินทางไปได้หลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนัก ครั้งนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว โดยเฉพาะอเมริกา ที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็เป็นประเทศต้นๆ ที่ออกแถลงการณ์รับการเลือกตั้งแสดงความยินดีกับผมในการเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยลายมือของตัวเอง ผ่านกระทรวงการต่างประเทศมาถึงผม” นายกฯ กล่าว

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรนัด 14 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารเมื่อวันที่18ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมทาบทามร่วมงานและลงมติสนับสนุนฝั่งรัฐบาลโดยเฉพาะการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณราบจ่าย ประจำปีงบประมาณ2563  ต้องไถามคนจัด แต่การดึงส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านมาร่วมงาน ไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์พรรค ถ้าเขาอยากมาจะทำยังไงได้

สุดารัตน์ขู่เปิดหลักฐานแฉซื้อส.ส.

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นความพยายามมาตลอดของรัฐบาลที่มาด้วยกลไกที่ผิดปกติ ทั้งนี้พรรคมีโอกาสได้รวบรวมคลิปเสียง รวบรวมหลักฐาน และจะใช้หลักฐานเหล่านี้ดำเนินการกับคนที่มาเสนอเงินให้ ส.ส. เพราะมีความผิด แต่ขออนุญาตยังไม่เปิดเผยหลักฐานที่มี เพราะฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนการเอาผิดยืนยันว่า เราทำตามกฎหมายแบบคนไร้เส้น ภายใต้ในกรอบของกฎหมาย ส่วนในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 นั้น อาจจะมีการทาบทามในลักษณะดังกล่าว เชื่อว่าคนเพื่อไทยไม่ทรยศประชาชน เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน เราคงไม่บอกให้ทราบว่าเราจะทำอย่างไร แต่เรามั่นใจว่า ส.ส.เพื่อไทยไม่กล้าทรยศประชาชน