'นกสกู๊ต' ลุยปรับตารางบินฤดูหนาวเพิ่มเที่ยวบินญี่ปุ่น

'นกสกู๊ต' ลุยปรับตารางบินฤดูหนาวเพิ่มเที่ยวบินญี่ปุ่น

“นกสกู๊ต” ลุยปรับตารางบินฤดูหนาว รับฝูงบินใหม่ เปิดจุดบิน-เพิ่มความถี่เจาะตลาดญี่ปุ่น มั่นใจผู้โดยสารปีนี้ทะลุ 2 ล้านคน จับมือ “เนทติเซนท์” ดึงซอฟต์แวร์บริหารจัดการต้นทุนสู้ศึกแข่งขันเรียลไทม์

นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ต เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในปีนี้ โดยระบุว่า ยอมรับว่าในช่วง 8 - 9 เดือนที่ผ่านมา การแข่งขันของธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอส์ตแอร์ไลน์) ยังมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะในจุดบินยอดนิยมอย่างญี่ปุ่น แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ผู้โดยสารที่เดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยครั้ง จะไม่เลือกปัจจัยด้านราคาเป็นหลักอย่างเดียว แต่เริ่มจะเลือกปัจจัยการเดินทางสะดวกสบายด้วย ส่งผลให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินนกสกู๊ตในเส้นทางญี่ปุ่น มีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันมีอัตราผู้โดยสาร (เคบิ้นแฟกเตอร์) อยู่ที่กว่า 80%

สำหรับแผนธุรกิจในช่วงตารางบินฤดูหนาวที่จะเริ่มในเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากกระแสนิยมการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง นกสกู๊ต จึงเตรียมขยายฐานลูกค้า ผ่านการเปิดจุดบินใหม่ กรุงเทพฯ-ซัปโปโร 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มบินในวันที่ 27 ต.ค.นี้

ขณะเดียวกันจะเพิ่มความถี่ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-โตเกียว จากปัจจุบัน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยนกสกู๊ตจะนำเครื่องบินใหม่รุ่นโบอิ้ง 777-200 ที่ทยอยรับมอบมาแล้วจำนวน 2 ลำ เข้ามาเสริมให้บริการในเส้นทางญี่ปุ่น คิดว่าจากกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้เคบิ้นแฟกเตอร์ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ราว 80% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ประมาณ 80-85%

"เมื่อมีการเดินทางซ้ำ ก็ไม่ได้เลือกเฉพาะราคาต่ำแล้ว มีปัจจัยอื่นๆ มาประกอบ อย่างความสะดวกสบาย เก้าอี้ที่นั่ง ทำให้นกสกู๊ตเรามียอดการเดินทางสูงอยู่ตลอดในเส้นทางญี่ปุ่น โดยเฉพาะฮอกไกโด ส่วนเส้นทางบินใหม่ๆ ที่อยู่ในแผน ตอนนี้ก็ยังมีเกาหลี และอินเดีย"

นายยอดชาย ยังกล่าวอีกว่า มั่นใจว่าปีนี้นกสกู๊ตจะปิดจำนวนผู้โดยสารได้สูงถึง 2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกว่า 1 ล้านคน โดยสัดส่วนผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ตลาดใหญ่สุด คือ จีน สัดส่วนประมาณ 40-50% ลดลงจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 70% รองลงมา คือ ญี่ปุ่น สัดส่วน 30% และที่เหลือเป็นตลาดคนไทย อีกราว 20-30% ขณะที่รายได้ในปีนี้ มั่นใจว่าจะมีอัตราการเติบโตสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสาร

ล่าสุด นกสกู๊ตยังได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) ในฐานะที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ โดยการวางระบบด้วย Real Cloud ERP ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมการบินโดยเฉพาะ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องใช้โดยนกสกู๊ตเป็นรายแรกของเอเชีย

“อุตสาหกรรมการบินมีการแข่งขันที่เข้มข้น การร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญของนกสกู๊ตที่จะบริหารจัดการข้อมูง ลดต้นทุน และวัดผลการทำงารแบบเรียลไทม์ ต่อสู้กับการแข่งขันในอุตสาหกรรม”

นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ที่จะนำมาใช้กับระบบหลังบ้านของนกสกู๊ตครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญอยู่ 5 ด้าน คือ 1.Thai Localization ปรับระบบใช้งานเชื่อมกับกฎหมายของไทย ทั้งในเรื่องการชำระภาษี

2.Easy Implementation Template ช่วยเปลี่ยนข้อมูลระบบใหม่เสมอ เพื่อให้พร้อมบริการลูกค้า

3.Business Process Scenario จัดการการผลิต การเงินและบัญชี ไปจนถึงการขาย อยู่ใตเแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการ

4.Integration Software เชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ Mobility อื่นๆ ให้สามารถบริหารจัดการระบบผ่านมือถือได้อย่างทันถ่วงที

5.Origami Platform เชื่อมโยงการทำงานไปสู่แพลตฟอร์มภายในองค์กรที่สามารถบริหารจัดการระหว่างบุคลากร และกิจกรรมอื่นๆ ในองค์กรได้