ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวกรอบแคบ

ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวกรอบแคบ

บล.กรุงศรี คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,625–1,640 จุด ภาวะตลาดได้แรงหนุนจากคาดการณ์ประธาน Fed จะส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย ทว่าความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมากดดันทิศทางการลงทุนอีกครั้ง

บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ระบุว่า วานนี้ (22 ส.ค.) SET Index อ่อนตัวลง -4.68 จุด (-0.29%) ปิดที่ระดับ 1,633 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.6 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่อ่อนตัวลงเพื่อรอติดตามคำแถลง Fed ว่าจะส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ ประกอบกับแรงขายหุ้นกลุ่ม CONS, PETRO และ ETRON จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลง ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 3,227 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 5,355 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 14,019 สัญญา

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (23 ส.ค.) เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,625 – 1,640 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากคาดการณ์ประธาน Fed จะส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีในวันนี้ อย่างไรก็ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมากดดันทิศทางการลงทุนอีกครั้งหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 และ 2 ปี เกิด Inverted Yield curve รวมถึงตัวเลข PMI ภาคการผลิตสหรัฐเดือนส.ค.ลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้เงินหยวนที่กลับมาอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปีล่าสุด 7.08 Yuan/USD  ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่องรวมถึงจะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนสูง

ด้านกลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  คาดได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะประชุม 30 ส.ค. กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางกำลังขึ้นทดสอบ High ในรอบเกือบ 6 ปีล่าสุด 2,118 จุด หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : AMATA (ปิด 25 ซื้อ/เป้า 28 บาท) เก็งกำไรคาดสัปดาห์หน้ารัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 คาดเป็นโครงการระยะกลางถึงยาวโดยเฉพาะโครงการ EEC Project ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม

ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น, BCH (ปิด 15.8 ซื้อ/เป้า 19 บาท) มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 3Q19 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2017) โดย BCH และ CHG ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนลูกค้าประกันสังคมมากที่สุดของกลุ่ม (33%),