ย่อต่อ

ย่อต่อ

ศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแรง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลสงครามการค้าอีกครั้ง

หลังจากที่ทรัมป์ขู่รีดภาษีเพิ่มอีก 10% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ มีผล 1 ก.ย.นี้ ประกอบกับภายในประเทศมีปัจจัยกดดันจากเหตุการณ์ระเบิดป่วนเมือง อย่างไรก็ดี ดัชนีในช่วงก่อนปิดตลาดเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงเพียง 15 จุด จากในระหว่างวันที่ปรับลดลงต่ำสุดถึง 28 จุด อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิ 509 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,684.71 จุด (-15.04 จุด) Volume 8.2 หมื่นลบ. ต่างชาติ -3.6 พันลบ. TFEX Net -22,547 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +80 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI +1.71 ดอลลาร์ +3.2% ปิด 55.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงหนักในวันพฤหัสบดีโดยได้แรงหนุนจาก EIA เผยสต็อกน้ำมันลดลงมากกว่าคาดและลดลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์

+ปธน.ทรัมป์คุยโวดีลจีนกำลังไปได้สวย

+สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่ม 164,000 ตำแหน่ง อัตราว่างงานทรงตัวที่ 3.7%

+FedWatch บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 95.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 ก.ย. จากระดับไม่ถึง 50% เมื่อวันพุธ

+รมว.คลังคาดเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าครม.ภายในเดือนส.ค.นี้

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 5.5 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.705 บาท/US

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 98.41 จุด -0.37% จากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีนหลังทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 10% ผิดหวังข้อมูลศก.สหรัฐที่ต่ำกว่าคาด และมีเจ้าหน้าที่เฟดรายหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดสัปดาห์ที่ผ่านมา

-จีนยืนยันดำเนินมาตรการตอบโต้ ลังสหรัฐขู่ขึ้นภาษีนำเข้าอีก 10% ต้นเดือนก.ย.

-สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. น้อยกว่าคาด

-เหตุระเบิดป่วนเมืองเมื่อวันศุกร์กดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย

*จับตาสหรัฐเผยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย และดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย. และในประเทศมีประชุมคณะกรรมการ EEC

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังเกิดเหตุวางระเบิดกลางกรุงหลายจุด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,675-1,690 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

HMPRO Analyst Meeting (ราคาปิด 16.90 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 17.59) มุมมองบวก

  • อัตราการเติบโตของยอดขาย หรือ Same Store Sale Growth (SSSG) เติบโต 5.6% ใน 2Q62 เพิ่มขึ้นจากเติบโต 2.5% ใน 1Q62 และ 1% ในปี 61 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์การตลาดในการเปิดโฮมโปร S ในพื้นที่ชุมชนหนาแน่นซึ่งใช้เงินลงทุนต่ำกว่าสาขาโฮมโปรแต่สร้างยอดขายต่อตรม.สูงกว่าสาขาโฮมโปร การที่ %GP ค่อยๆไต่ระดับดีขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่า %GP ในช่วง 1H62 เติบโตไม่มากเพียง 26.3% จาก 26% ใน 1H61  แต่มีแนวโน้มดีขึ้นใน 2H62 เนื่องจาก 1H62 มีช่วงฤดูร้อนที่นานกว่าปกติและปัญหา PM2.5 ทำให้มียอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า(มาร์จิ้นต่ำและค่าขนส่งสูง) ในสัดส่วนที่สูง ขณะที่ %SG&A มีแนวโน้มลดลง ลดเหลือ 19% ใน 1H62 จาก 19.4% ใน 1H61
  • แผนการเปิดสาขาใหม่ยังคงเดิม โฮมโปร 2 สาขา โฮมโปร S 1 สาขา เมกะโฮม 2 สาขาโดยได้เปิดโฮมโปรสาขาจรัลสนิทวงศ์เมื่อ 17 พ.ค. 62 และในช่วง 2H62 จะเปิดสาขามุกดาหารและโฮมโปร S สาขาสามย่าน และเมกะโฮมอีก 2 สาขา สำหรับสาขาที่ประเทศมาเลเซียยังคงเดิมที่ 6 สาขาปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นมากขาดทุนเหลือน้อยลงแล้ว
  • ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองต่อศักยภาพในการเติบโตของยอดขายและผลการดำเนินงานตามแผนการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 62 เฉลี่ย 6,430 ล้านบาท +15%YoY

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นลงทุนในหุ้น Theme EEC play (AMATA WHA ROJNA EASTW ATP30),หุ้น Mid-Small Cap. ที่คาดผลประกอบการ 2Q19 เติบโตดี (VL AMA TACC JUBILE SABINA NER), หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC),หุ้น High Dividend (SIRI QH TISCO KKP ANAN)

ส่องหุ้น

        TTW      แนวรับ 13.60 บาท                     แนวต้าน 13.80 , 14.00 บาท

        SISB     แนวรับ 7.40 , 7.30-7.25 บาท      แนวต้าน 7.65,7.90-7.95 บาท

หุ้นมีข่าว   

·      THCOM (ราคาปิด 5.70 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 6.40) รายงานขาดทุนสุทธิ 2Q19 ที่ 135 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษราว 137 ล้านบาท ได้แก่ 1) ตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 42 ล้านบาท 2) ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 55 ล้านบาท 3) การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 40 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษ บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 2 ล้านบาท -87%QoQ,-99%YoY  ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน 1H19 ยังมีผลขาดทุนสุทธิรวมอยู่ที่ระดับ 168 ล้านบาท พลิกจากกำไรสุทธิ 2.1พันล้านบาทในช่วง 1H18

·      RML (ราคาปิด 1.08 บาท Bloomberg Consensus 1.40 บาท)  ย้ำรายได้ปีนี้พุ่ง 5 พันล้าน เล็งเปิด 2 โครงการ 1.3 หมื่นล้านในครึ่งปีหลัง “ไรมอน แลนด์” มั่นใจรายได้ปีนี้มาตามนัดพุ่ง 5,000 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก 8,000 ล้านบาท จ่อบุ๊กครึ่งปีหลัง กว่า 1,800 ล้านบาท เตรียมเปิดขาย 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 9,000-13,000 ล้านบาท ในช่วงปลายปีนี้(ที่มา ข่าวหุ้น)

·      DDD (ราคาปิด 25.00 บาท Bloomberg Consensus 20.43 บาท) เตรียมแจ้งงบ Q2 วันที่ 14 ส.ค.นี้ ยอมรับชะลอตัว ส่วนครึ่งปีหลังลุยออกสินค้าใหม่ 3-4 รายการ ควบคู่อัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย ย้ำเป้าปีนี้โกยรายได้ 1,400 ล้านบาท โต 10% จ่อปิดดีลซื้อกิจการเฮลท์แคร์ในไทย Q4 นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      SIRI (ราคาปิด 1.47 บาท Bloomberg Consensus 1.34 บาท) มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 2.9 หมื่นล้านบาท เหตุครึ่งปีหลังเตรียมโอนคอนโดมิเนียมใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 2.96 หมื่นล้านบาท บวกโอนบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์ “Home Care Services” สร้างความต่างในงานบริการ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      ALL เดินหน้าแผนครึ่งปีหลัง ลุยเปิด 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.25 หมื่นล้านบาท ล่าสุดเปิดขายโครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว-สุทธิสาร มูลค่า 1,200 ล้านบาท เล็งแจ้งงบไตรมาส 2/62 วันที่ 9 ส.ค.นี้ ส่งซิกโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      EA (ราคาปิด 53.5 บาท Bloomberg Consensus 68.25 บาท) เดินถูกทาง ธุรกิจ "รถ-เรือไฟฟ้า โรงงานแบตเตอรี" ขานรับนโยบายภาครัฐ จ่อสร้างรายได้ปี 2563 ดันผลงานแตะ 2 หมื่นล้านบาท เชื่อช่วยผลักดันการลงทุน ดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ไม่ให้ย้ายฐานการผลิต มั่นใจเป็นผู้นำนวัตกรรม (ที่มา ทันหุ้น)

·      BIZ (ราคาปิด 2.60 บาท ราคาเหมาะสม 3.10 บาท) ตั้งตารอนโยบายจากรัฐบาลใหม่หนุน คาดมีงบด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมาต่อเนื่อง ส่งซิกเตรียมประมูลงานใหม่ 300-400 ล้านบาท คาดคว้าได้ราว 50% กอดแบ็กล็อกแน่น 1.7-1.8 พันล้านบาท มั่นใจยอดขายไตรมาส 3/62 เป็นไปตามเป้า ลุยส่งสินค้าให้ลูกค้าตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)

·      AMA (ราคาปิด 7.25 บาท ราคาเหมาะสม 8.00 บาท)   (ราคาปิด 25.00 บาท Bloomberg Consensus 20.43 บาท)  กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลังปี 2562 เล็งเพิ่มรถบรรทุกให้บริการขนส่งทางบกครบ 181 คัน จากปีก่อนที่ 151 คัน เชื่อรายได้ขนส่งทางบกโตเกินเป้า 35% ฟากผู้บริหารมั่นใจรายได้รวมมาตามนัด 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% พร้อมลุยเดินเรือเต็มกำลัง (ที่มา ทันหุ้น)

·      CHG (ราคาปิด 168.5 บาท Bloomberg Consensus 182.41 บาท) ยิ้มรับครึ่งปีหลังเฮลธ์แคร์เด่นหลังเข้าไฮซีซัน เชื่อความชัดเจนทางการเมืองเอื้อลูกค้าใช้จ่ายด้านสุขภาพมากขึ้น คงเป้ารายได้เติบโต 15% ตามแผน แม้กำไรอาจย่อตัวจากผลกดดันค่าเสื่อมเปิดโรงพยาบาลใหม่-บุคลากรทางการแพทย์ เตรียมประชุมบอร์ด-แจ้งงบไตรมาส 2/2562 ในช่วงวันที่ 13-14 ส.ค. 62 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

·      PPPM ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศขึ้น “H” ในช่วงเช้าวันที่ 5 ส.ค. และให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกรณีนายทะเบียนหุ้นกู้แจ้งว่าข้อมูลที่บริษัทเปิดเผยว่ามีการชำระหนี้หุ้นกู้โดยนายทะเบียนหุ้นกู้นั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญและอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท (ที่มา SET NEWS)