การเฟ้นหาโอกาสร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพต่างประเทศจะเป็นเรื่องไม่ยากจนเกินไป หากสามารถเข้าถึงแหล่งเงินนักลงทุนและเข้าร่วมเครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลก หนึ่งในนั้นคือ ศูนย์นวัตกรรมของอิสราเอล ที่ทั่วโลกรู้จักกันในชื่อ “โซซ่า”
“ดะกัน อโลนี” ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและการค้า สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า โซซ่าได้ร่วมมือกับ "สิงห์ เวนเจอร์" หนึ่งในเครือบริษัทของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร ในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงขึ้นในไทย ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มแหล่งร่วมความรู้ที่ทันสมัย เพื่อเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนให้กับสตาร์ทอัพในไทย และอาเซียนให้ก้าวทันโลกดิจิทัล
อโลนี กล่าวว่า ขณะเดียวกัน โซซ่ายังเข้ามาสนับสนุน สิงห์ เวนเจอร์ ในการใช้เทคโนโลยีพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อสำรวจโอกาสทางด้านการตลาดในระดับภูมิภาค ซึ่งความร่วมมือนี้ได้ต่อยอดจากการที่ สิงห์ เวนเจอร์ ได้เดินทางไปยังอิสราเอล และได้พบกับบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอาหาร บรรจุภัณฑ์ และกระบวนการผลิตขั้นสูง ซึ่งโซซายินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ และพร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ทางเทคโนโลยี ในการนำไปไปพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด อาทิ แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการลดน้ำตาล เพิ่มโปรตีน และเน้นความปลอดภัยทางอาหารมากขึ้น
"อิสราเอลพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับสิงห์ เวนเจอร์ ในการผลักดันให้ก้าวเป็นผู้นำทางธุรกิจเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะนำมาสู่คุณค่าทางความสัมพันธ์ทางธุรกิจและระหว่างไทยกับอิสราเอล นอกจากนี้ โซซ่าหวังจะใช้ศักยภาพที่มีอยู่ขยายความร่วมมือไปยังสตาร์ทอัพอื่นๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงและผลักดันให้พวกเขาเหล่านี้เติบโตในระดับภูมิภาคอาเซียนต่อไป" ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจฯ ของสถานทูตอิสราเอลระบุ
โซซ่าเป็นศูนย์นวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของกลุ่มนักลงทุนชั้นนำของอิสราเอล ที่เรียกตัวเองว่า แองเจิล ในปี 2557 ซึ่งได้สร้างเครือข่ายทางธุรกิจของเหล่าบริษัทชั้นนำระดับโลก 150 แห่ง และรวมสตาร์ทอัพดาวรุ่งกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทลอาวีฟ
ด้าน “ภูริต ภิรมย์ภักดี” ประธานกรรมการบริหาร สิงห์ เวนเจอร์ กล่าวว่า สิงห์ เวนเจอร์ เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพดาวรุ่ง ที่มองเห็นโอกาสในการใช้เทคโนโลยี และไอเดียจากสตาร์ทอัพมาช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการขยับตัวเพื่อก้าวเติบโตทางธุรกิจครั้งนี้ จะทำเพียงลำพังไม่ได้แล้ว แต่จำเป็นต้องใช้โมเดลทางธุรกิจที่ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเลือกลงทุนในสตาร์ทอัพ เพื่อช่วยให้สิงห์เติบโตได้เร็วขึ้น นั่นหมายถึง การอาศัยเทคโนโลยี และไอเดียมาปรับใช้ในธุรกิจ
"สิงห์ เวนเจอร์ ได้สำรวจโอกาสการลงทุนไปทั่วโลก จนพบว่า โซซ่า ซึ่งเป็นผู้นำทางนวัตกรรมขั้นสูงจะเข้ามาเติมเต็ม และส่งเสริมความร่วมมือให้สิงห์ สามารถก้าวไปสู่แนวหน้าด้านอาหารและเครื่องดื่มค้าปลีกระหว่างประเทศได้" ซีอีโอสิงห์ เวนเจอร์กล่าว
สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โซซ่าเพิ่งจับมือกับบริษัทโตเกียว มารีน โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นธุรกิจประกันข้ามชาติที่ทรงพลังแห่งหนึ่งในเอเชีย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโตเกียว และสาขาย่อยอีก 38 แห่งทั่วโลก โดยทั้งสองได้ร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมในญี่ปุ่น ที่เน้นการลงทุนกับสตาร์ทอัพ เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และฟินเทคกับธุรกิจประกันภัย
ขณะเดียวกัน โซซ่าต้องการขยายศักยภาพไปทั่วทั้งเอเชีย ตอนนี้ โซซ่ากำลังเจรจากับทางการรัฐมหาราษฏระ อัสสัม และกัว ประเทศอินเดีย เพื่อจัดตั้งศูนย์กลางด้านนวัตกรรมขึ้นใน 3 รัฐ หวังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้นักพัฒนาเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพของอินเดียได้เข้าถึงเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลกกับโซซ่า เพราะในแต่ละปีมีสตาร์ทอัพทั่วโลกกว่า 100 แห่งได้เข้าร่วมกับโซซ่าอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อปีก่อน โซซ่าสามารถเปิดสำนักงานนวัตกรรมแห่งใหม่ในนิวยอร์ก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรหลัก ได้แก่ บริษัท HP, RBC และ Jefferies นอกจากนี้ โซซ่ายังได้ทำงานใกล้ชิดกับบริษัทคู่ค้าที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจของตนในนิวยอร์ก โดยจัดหานักลงทุนในการให้คำปรึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีที่มีผลต่อการเติบโตธุรกิจในทุกมิติ โดยสำนักงานแห่งนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางอุตสาหกรรมในโลกไซเบอร์ให้กับเครือข่ายโซซ่าทั่วโลก