EIC คาดส่งออกไทยโตต่ำกว่า 0.6%

EIC คาดส่งออกไทยโตต่ำกว่า 0.6%

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินส่งออกไทยปี 62 มีโอกาสโตต่ำกว่า 0.6% เหตุสงครามการค้ากระทบเศณษฐกิจโลกชะลอตัว จับตาสหรัฐขึ้นภาษีจีนรอบใหม่มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ซ้ำเติมส่งออกไทย

นายพนันดร อรุณีนิรมาน ตำแหน่งนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ หรืออีไอซีประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยปี 2562 มีโอกาสต่ำก่วาที่เคยคาดการณ์ไว้จะขยายตัว0.6% เป็นผลจากตัวเลขการส่งออกในเดือนพ.ค. ของไทย และหลายผู้ส่งออกสำคัญในภูมิภาคที่ยังคงติดลบต่อเนื่อง และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวรวมถึงความไม่แน่นอนและความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากภาวะสงครามการค้าสหรัฐและจีน  ทำให้คาดว่าภาวะการค้าและการลงทุนของโลกมีทิศทางชะลอลงมากกว่าที่เคยคาดการณ์ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผลกระทบทางตรงผ่านการส่งออกสินค้าไปยังจีนที่ลดลงโดยเฉพาะในส่วนของสินค้าที่เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ

ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมเกิดจากการที่หลายประเทศที่มีการพึ่งพาจีนมีภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลงจึงทำให้การส่งออกของไทยไปประเทศดังกล่าวมีการปรับตัวลดลงเช่นกันซึ่งจากการศึกษาของอีไอซีพบว่า การส่งออกของไทยไปยังตลาดที่พึ่งพาจีนสูงกว่ามักจะมีการชะลอหรือหดตัวมากกว่าการส่งออกไปยังตลาดที่พึ่งพาจีนต่ำกว่าอย่างชัดเจน ดังนั้นจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในปี 2562 อาจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่0.6% โดยอาจมีโอกาสหดตัวได้ในปีนี้ซึ่งตอนนี้ อีไอซีกำลังทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดและจะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือน ก.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่น่าจับตาในระยะต่อไปคือ สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มความรุนแรงได้อีก โดยในช่วงเดือนก.ค. ที่จะถึงนี้ สหรัฐฯ อาจมีการพิจารณาเพิ่มภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนมูลค่าอีก 3 แสนล้านดอลลาร์เพิ่มเติมและจีนเองก็อาจจะมีมาตรการตอบโต้กลับเช่นกันโดยจะต้องดูท่าทีของผู้นำทั้งสองประเทศในช่วงปลายเดือน มิ.ย. นี้ ที่จะมีการประชุมG-20 ว่าจะออกมาในรูปแบบใด

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯที่ในเบื้องต้นมีแผนจะเก็บจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงกับสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นโดยจะได้ข้อสรุปภายในเดือนพ.ย.นี้