สทนช.เชื่อมข้อมูลหน่วยน้ำรับฤดูฝน แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ

สทนช.เชื่อมข้อมูลหน่วยน้ำรับฤดูฝน แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ

สทนช.เตรียมพร้อมรับมือวิกฤติน้ำหลากฤดูฝน 2562 ผนึกกำลังสร้างเอกภาพเชื่อมโยงทุกหน่วยเกี่ยวข้อง เตรียมพร้อม 3 ศูนย์ปฏิบัติการ 3 ระดับ เฝ้าระวังติดตามแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำทั่วประเทศ

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สทนช. ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำช่วงฤดูฝนปีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม รวมถึงแนวทาง เงื่อนไข การแจ้งเตือน โดยเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานด้านน้ำของประเทศร่วมกัน
รวมทั้งกำหนดเกณฑ์การปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนตามระดับความรุนแรง และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยระดับภัยจะเป็นเกณฑ์กำหนดการทำงานของศูนย์ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ศูนย์ปฎิบัติการ ได้แก่ 1.ระดับที่ 1-2 ระดับสีเขียว เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าสู่ฤดูฝน ศูนย์อำนวยการน้ำของ สทนช.จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสาน ติดตาม ข้อมูลจากหน่วยงานด้านน้ำ เพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ประจำวัน

2.ระดับที่ 2-3 หรือ ระดับสีเหลือง เมื่อมีพายุก่อตัวและคาดว่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทย หรือความกดอากาศต่ำพาดผ่าน มีปริมาณฝนตกชุกหนาแน่นครอบคลุมหลายจังหวัด คิดเป็นปริมาณฝนสะสม 3 วัน มากกว่า 200 มม. ปริมาณน้ำในลำน้ำมากกว่า 60% ของความจุลำน้ำ และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมากกว่า 60% และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือสูงกว่าเส้นควบคุมบน ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติจะเริ่มปฏิบัติงานทันทีคาดว่ากลางเดือน ก.ค.นี้

โดย สทนช.ได้ขอให้มีการส่งตัวแทนเจ้าหน้าที่จากแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประจำการที่ศูนย์ โดยมี นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานศูนย์ฯ เพื่อเชื่อมต่อการทำงานของทุกหน่วยให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยอาศัยความร่วมมือบูรณาการการปฏิบัติงานจากทุกหน่วย ทั้งการเชื่อมโยงฐานข้อมูล การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในรูปแบบเดียวกัน การกำหนดกลไกสื่อสาร และขั้นตอนในทางปฏิบัติ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้นจากปีที่ผ่านมา

3.ระดับ 3-4 (ระดับสีแดง) ซึ่งเป็นระดับสูงสุด มีสถานการณ์รุนแรงในระดับประเทศ มีผลกระทบในวงกว้าง จะยกระดับเป็นศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการศูนย์ฯ ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 โดยทุกหน่วยงานรายงานข้อมูลต่อ สทนช.ทุก 3 ชั่วโมง และในพื้นที่วิกฤติรายงานทุกชั่วโมง การประชุมวันละ 3 ครั้ง เวลา 08.00 น. 14.00 น. และ 20.00 น. โดยข้อมูลดังกล่าวจะส่งต่อไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร่งด่วนต่อไป

นอกจากนี้ สทนช.ได้เร่งหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหน่วยงานด้านน้ำที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยในการจัดตั้ง ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ และ ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เพื่อเตรียมรับมือจัดการกับทั้ง “มวลน้ำ” และ “มวลชน” ในภาวะวิกฤติ เพิ่มเติมจากศูนย์อำนวยการน้ำ ซึ่งทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำประจำวัน โดยการเริ่มปฏิบัติงานของแต่ละศูนย์ฯ จะอยู่ภายใต้เกณฑ์สถานการณ์เพื่อการจัดการออกเป็น 5 ระดับข้างต้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติในการป้องกัน เฝ้าระวัง และลดความเสียหายทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน” นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน สทนช.ได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพิ่มประสิทธิภาพกลไก 4 ด้าน ในการรับมือ สาธารณภัยจากวิกฤติน้ำตามหลักสากลการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ได้แก่ 1.ด้านป้องกันและลดผลกระทบ การบริหารจัดการและจัดสรรน้ำตามเกณฑ์อย่างเหมาะสม ในภาวะปกติ จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม/น้ำแล้ง ในแต่ละลุ่มน้ำ พร้อมบูรณาการข้อมูลสารสนเทศด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และจัดทำเกณฑ์เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ณ สถานีควบคุม

2.ด้านเตรียมความพร้อม การกำหนดเขตภาวะน้ำแล้งล่วงหน้า และแผนเตรียมกรณีน้ำท่วมฉุกเฉิน ติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ประเมินพื้นที่เสี่ยง และแจ้งเตือนประชาชน รวมถึงหน่วยปฏิบัติเพื่อรับมือ

3.ด้านรับมือ/เผชิญเหตุ การประกาศเขตภาวะน้ำแล้งอย่างรุนแรงและมาตรการ การผันน้ำข้ามลุ่มเพื่อบรรเทาภาวะน้ำแล้ง รวมทั้งบัญชาการและอำนวยการแก้ไขปัญหาจนกว่าวิกฤติจะผ่านพ้นไป
4.ด้านฟื้นฟูเยียวยา ชดเชยเยียวยา รวบรวมข้อมูลความเสียหาย พื้นที่วิกฤติน้ำ วางแผนการป้องกันและแก้ไขระยะยาว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รับทราบถึงมาตรการเตรียมการต่างๆ ให้ตรงกัน สทนช.ได้กำหนดจัดงาน “การเตรียมความพร้อมจัดการน้ำหลากปี 2562” ในวันพุธที่ 12 มิ.ย.นี้