“มหาธีร์”ประกาศจะใช้เทคโนโลยีหัวเว่ยให้มากที่สุด

“มหาธีร์”ประกาศจะใช้เทคโนโลยีหัวเว่ยให้มากที่สุด

“การวิจัยของหัวเว่ยไปไกลกว่าศักยภาพของมาเลเซียมาก เราจะใช้เทคโนโลยีของพวกเขาให้มากที่สุด ผมไม่กังวลเรื่องข้อกล่าวหาจารกรรม เพราะเราไม่ได้มีความลับอะไร” นายกฯมาเลย์ กล่าว

นายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างร่วมประชุมอนาคตแห่งเอเชียซึ่งเป็นการประชุมประจำปีที่นิกเคอิ สื่อธุรกิจชั้นนำของญี่ปุ่นจัดขึ้น ในกรุงโตเกียวสัปดาห์นี้ว่า เทคโนโลยีของหัวเว่ย ก้าวล้ำกว่าอเมริกาไปมาก แม้สหรัฐจะมีศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนาที่แข็งแกร่ง แต่สหรัฐก็ต้องยอมรับว่าศักยภาพเดียวกันนี้ เอเชียตะวันออกก็มี

“หากผมไม่ได้เหนือกว่า ผมจะแบนคุณ ผมจะส่งเรือรบ นั่นไม่ใช่การแข่งขันแล้ว แต่คือการข่มขู่” ผู้นำมาเลเซียวัย 93 ปี กล่าว

สหรัฐ เพิ่มชื่อหัวเว่ย เทคโนโลยี ในบัญชีดำรายชื่อบริษัทต่างชาติที่อยู่ในข่ายเป็นภัยความมั่นคงของชาติ ที่ บริษัทสหรัฐจะต้องขออนุญาตก่อนส่งออกสินค้าให้ มาตรการนี้ยังมีผลลุกลามไปยังบรรดาบริษัทต่างชาติที่เป็นซับพลายเออร์ของหัวเว่ย และใช้สินค้าหรือซอฟต์แวร์สหรัฐด้วย

แม้หลายประเทศรวมถึงญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ต่างก็ออกมาตรการหลีกเลี่ยงใช้อุปกรณ์หัวเว่ย ในการวางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 5จี แต่ดร.มหาธีร์ส่งสัญญาณว่ามาเลเซียไม่มีแผนจะเลิกคบค้ากับเจ้าเทคโนโลยีแดนมังกร

นิกเคอิ ระบุว่า ดร.มหาธีร์ได้เครดิตด้านการกวาดล้างทุจริตและปรับปรุงสถานะการเงินรัฐบาล รวมถึงการเจรจาข้อตกลงโครงการรถไฟกับจีนที่ช่วยลดต้นทุนลง แต่สงครามการค้าสหรัฐ-จีนเป็นปัจจัยบดบังแนวโน้มเศรษฐกิจ ผลผลิตมวลรวมภายใน (จีดีพี)ในไตรมาสแรกของปี 2562 ชะลอตัวลง เพราะมีผลกระทบต่อการส่งออกของมาเลเซียด้วย

ในด้านความสัมพันธ์กับจีน ดร.มหาธีร์พยายามรักษาสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีต่อกัน ในฐานะคู่ค้าสำคัญ กระนั้น ผู้นำมาเลเซียก็พูดไม่เห็นด้วยกับพัฒนาการทางทหารของจีนในทะเลจีนใต้ โดยระบุว่า ไม่ควรมีเรือรบประจำในทะเลจีนใต้ เหตุการณ์เล็กน้อยอาจบานปลายเป็นสงครามได้ ประเทศอเซียนสามารถหาข้อยุติกรณีพิพาทผ่านศาลระหว่างประเทศได้ เมื่อใดช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ