เร่งขับเคลื่อน 'กัญชา' ยกระดับสู่การแพทย์ ไม่หลอกปลูกสร้างความร่ำรวย

เร่งขับเคลื่อน 'กัญชา' ยกระดับสู่การแพทย์ ไม่หลอกปลูกสร้างความร่ำรวย

"ประพัฒน์"เร่งขับเคลื่อนงาน"กัญชา"ก่อนหมดเวลาขึ้นทะเบียน ช่วยเกษตรกร ยกระดับสู่การแพทย์ ไม่หลอกปลูกสร้างความร่ำรวย

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สภาเกษตรกรแห่งชาติ(สกช.) ได้จัดโครงการขับเคลื่อน “การพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์”

โดยกระจายทั่วประเทศ เริ่มเวทีแรกได้จัดขึ้นที่จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ครั้งต่อไปที่จังหวัดสกลนคร วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่โรงแรมพี.ซี.พาเลซ สกลนคร จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯได้เข้าใจในมาตรการของรัฐที่จะมีผลบังคับใช้เรื่องการพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อยกระดับกัญชาจากยาเสพติดสู่ยารักษาโรค และทราบถึงนโยบายของสภาเกษตรกรแห่งชาติถึงการขับเคลื่อนการพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และจะได้ทราบถึงมาตรการของรัฐบาลเกี่ยวกับองค์ความรู้และวิชาการด้านกฎหมายและกระบวนการผลิต รวมทั้งการเพาะปลูกและใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อรักษาโรค ตลอดจนการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ภายใต้กรอบกฎหมายที่ถูกต้อง


ทั้งนี้ สภาเกษตรกรแห่งชาติขับเคลื่อนเรื่อง “กัญชา” มาตั้งแต่ปี 2559 จัดเวทีแรกที่อาคารพึ่งบุญ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกคนได้รับรู้ว่ากัญชารักษาโรคได้แม้จะเกิดการสะดุดด้วยเข้าใจกันคลาดเคลื่อนแต่ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ชี้แจงและเผยแพร่ความรู้ความจริงสู่ประชาชนทั้งประเทศ ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่าคนไทยมีความรู้เรื่องกัญชาอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงการนำไปสู่การออกกฎหมายซึ่งให้เวลาขึ้นทะเบียน 90 วัน ซึ่งขณะนี้สภาเกษตรกรจังหวัดได้ลงพื้นที่ไปสำรวจเพื่อรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย สัมภาษณ์ ตอบแบบสอบถาม ถ่ายรูป รายละเอียดเก็บเอกสารทั้งหมด เพื่อนำไปยื่นจดทะเบียนพร้อมกันทั้งประเทศในวันเดียวก่อนหมดเขต 17 พฤษภาคม 2562 และหวังให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงให้สะเทือนทั้งแผ่นดิน ให้ได้รับรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่


รวมทั้งคนป่วยที่อยู่ห่างไกลตามชนบท ภูเขาสูงชันจะมาขึ้นทะเบียนได้อย่างไร ทำไมไม่อำนวยความสะดวกให้อย่างแท้จริง เจตนาที่สภาเกษตรกรแห่งชาติขับเคลื่อนงานกัญชาเพื่อให้เกษตรกร ประชาชน ผู้ป่วยได้ผลิตยาเพื่อรักษาตัวเองและเครือข่ายในพื้นที่

สภาเกษตรกรฯต่อต้านการผูกขาดทุกรูปแบบและไม่เห็นด้วยเรื่องเสรีกัญชา เพราะโครงสร้างของรัฐถูกออกแบบไว้สำหรับคนมือยาวทุนยาวเท่านั้น เกษตรกรรายย่อยไม่มีทางสู้ได้ ระบบเศรษฐกิจไทยคือการจัดตั้งองค์กร ส่งเสริมการปลูก รับซื้อผลผลิตราคาถูก นำไปแปรรูปขายราคาแพง ที่เห็นกันอยู่ในพืชเศรษฐกิจที่ราคาตกต่ำรัฐต้องอุ้มตลอด อาทิเช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด มันสำปะหลัง เป็นต้น ถ้าปล่อยเสรีกัญชาเกษตรกรต้องนั่งน้ำตาร่วงเหมือนเดิม สภาเกษตรกรฯต้องการให้อนุญาตเกษตรกรปลูกกัญชาในพื้นที่ ถ้ามันคือการสร้างคนรวยก็ต้องรวยในทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ไม่ใช่สร้างให้รวยคนเดียวในประเทศไทย สภาเกษตรกรฯต้องการให้เศรษฐกิจไหลกลับลงสู่เกษตรกรทั้งแผ่นดิน

“ความฝันคือเมื่อสภาเกษตรกรแห่งชาติผลักดันกัญชาจนทะลุแล้ว ทั้งประเทศจะมีการจัดสัมมนา เสวนา เวิร์กช็อปเรื่องสายพันธุ์กัญชาของจังหวัดตัวเองมีอะไรบ้าง นำมาประชัน เข้าห้องแลบดูว่าสายพันธุ์ไหนดีที่สุดในประเทศไทย ในโลก วิธีการสกัดของแต่ละที่ ฯลฯ เมื่อถูกกฎหมาย ช้าหรือเร็วสิ่งเหล่านี้ควรต้องเกิดขึ้น” นายประพัฒน์ กล่าว

นายประพัฒน์ กล่าวย้ำว่า สภาเกษตรกรฯต้องการช่วยคนป่วย ช่วยเกษตรกร ไม่ต้องการให้ปลูกกัญชาสร้างความร่ำรวยด้วยการไปหลอกชาวบ้านให้เตรียมปลูกกัญชาทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน กฎหมายไปไม่ไกลขนาดนั้น และไม่เห็นด้วยที่จะไปไกลขนาดนั้น ต้องการส่งเสริมให้เดินอย่างมีสติตามจังหวะที่ควรจะไป ไม่ต้องการเดินก้าวหน้าเกินกว่าแล้วประชาชนตามไม่ทันเกิดปัญหาตามมาทีหลัง ถ้าดีก็เดินต่อไปด้วยกัน ไม่ดีก็ถอยมาตั้งหลักแบบไม่ล้ม และหาก UN บรรจุวาระประกาศว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ทั้งโลกต้องแก้กฎหมายตาม และผลิตขายที่ต่างประเทศได้ ให้เตรียมสายพันธุ์ที่ดีปลูกเพื่อการส่งออกนำเงินเข้าประเทศและนำเงินเหล่านั้นไหลกลับสู่เกษตรกรเพื่อความมั่นคงต่อไป