เปลี่ยนรีสอร์ทให้สร้างพลังงานสะอาด

วันนี้ถ้าเดินทางไปตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น สองข้างทางที่รถแล่นผ่านไปตามป่าเขาระหว่างเมืองสู่เมือง จะเห็นแผงโซลาร์เซลล์ตั้งเป็นแถวเป็นแนวตามพื้นที่เกษตรกรรมต่างๆ แม้แต่ในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นก็พบเห็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์

พลังงานโซลาร์เซลล์ เป็นเรื่องที่ได้ยินกันมาในประเทศไทยไม่ต่ำกว่าสิบปี แต่ทุกวันนี้ยังดูเหมือนเป็นเรื่องที่ใช้กันโดยหน่วยงานใหญ่ๆ ระดับประเทศ

ทว่า โอกาสที่ระดับเอกชนและคนไทยทุกคนจะมีสิทธิเท่าเทียมกันในการใช้พลังงานโซลาร์ มีความเป็นไปได้มากขึ้นแล้ว เมื่อบริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) นำความเป็น ‘คนพลังงานตัวจริง’ คือการนำความรู้และประสบการณ์ลงทุนด้านพลังงานใน 10 ประเทศ ทำให้มีความเชี่ยวชาญผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวกับพลังงานกระแสหลักและพลังงานทดแทนทุกประเภทกว่า 36 ปี ก่อตั้ง บริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด (Banpu Infinergy) บริษัทในเครือ เพื่อดำเนินงานด้าน ‘พลังงานสะอาด’ ในประเทศไทยอย่างจริงจังได้สองปีแล้ว

“เราเป็นบริษัทที่อยากเสนอพลังงานทางเลือกให้คนไทย รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ ‘ไทยแลนด์ 4.0’ เราจะเป็นสมาร์ตซิตี้ หนึ่งในวิธีเป็นสมาร์ตซิตี้คือเรื่อง ‘พลังงาน’ ทุกอย่างมีจุดกำเนิดของพลังงานไฟฟ้าก่อน เราอยากทำคนไทยให้สมาร์ตขึ้น ในความสมาร์ตขึ้นต้องกรีน(สะอาด)ขึ้นด้วย เข้ากับธีมของบริษัทแม่(บมจ.บ้านปู)ทีใช้มาตลอด คือสมาร์ตเตอร์” กนกวรรณ จิตต์ชอบธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด กล่าวและยกตัวอย่างประเทศ ‘สิงคโปร์’ แม้เป็นเกาะขนาดเล็ก แต่รัฐบาลสิงคโปร์เอื้ออำนวยเพื่อทำให้ ‘พลังงานสะอาด’ เข้าถึงผู้บริโภคทุกครัวเรือนได้ง่ายขึ้นผ่านการติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) โซลาร์ลอยน้ำ โซลาร์ฟาร์ม ขณะนี้รวม 6 กิกะวัตต์ ซึ่งในเมืองไทยตอนนี้รวมทั้งประเทศยังไปไม่ถึง แม้พื้นที่ประเทศเราจะใหญ่มาก โดยบ้านปูอินฟิเนอร์จีฯ หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่านโซลาร์เซลล์ในเมืองไทยให้ได้มากที่สุด และคนไทยมีโซลาร์ใช้ง่ายขึ้น

หนึ่งในตัวอย่างความหวังดังกล่าวอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย เป็นความร่วมมือกันระหว่าง บริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด (Banpu Infinergy) และ สุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา(Sukhothai Treasure Resort & Spa) โรงแรมแห่งแรกในจังหวัดสุโขทัยที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์

ล็อบบี สุโขทัย เทรเชอร์ฯ รายล้อมด้วยธรรมชาติ

การตกแต่งและบรรยากาศภายในบริเวณ สุโขทัย เทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา

สระว่ายน้ำระบบกลือ

“เราเปิดมาประมาณเก้าปีแล้ว เรามีวิสัยทัศน์หนึ่งที่ต้องการให้โรงแรมเราเป็นโรงเรียน เราคุยกันระหว่างผู้บริหารและพนักงาน ไม่ว่าใครที่เข้ามาที่โรงแรมจะได้รับสิ่งดีๆ กลับไปเล็กๆน้อยๆ เราตั้งเป้าหมายว่า คนมาอยู่ในพื้นที่ของเราต้องมีสุขภาพดี ต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และตอบแทนสังคมที่อยู่รอบโรงแรม เราคิดโครงการกัน โจทย์ของเราคือ ทุกอย่างที่จะทำต้องทำง่ายๆ และยั่งยืน เช่น การใช้ไฟฟ้า เราเริ่มจากโครงการง่ายๆ เปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดตะเกียบมาเป็นหลอดแอลอีดี พอบ้านปูฯ เสนอโครงการนี้เข้ามา เราก็ยินดีมาก” วิวัฒน์ ธาราวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ สุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวถึงที่มาของการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 74,000 วัตต์บนหลังคาตึกหลักของโรงแรมและหลังคาที่จอดรถ หลังจากบริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ เข้าดำเนินการสำรวจพื้นที่และการใช้ไฟฟ้าของโรงแรมเมื่อปลายปีพ.ศ.2560 ซึ่งไม่ทำให้ทัศนียภาพอันสวยงามของโรงแรมเสียไป ขณะนี้โรงแรมเริ่มใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาได้สามเดือนกว่า

ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ บนหลังคาตึกหลักของ สุโขทัย เทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา (ภาพ : บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด)

หลังคาที่จอดรถของสุโขทัยเทรเชอร์ฯ ใช้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และเพิ่มร่มเงาให้รถได้ด้วย (ภาพ :บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด)

การเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยแผงโซลาร์ ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้ไฟฟ้าให้ผู้ติดตั้ง แต่ยังเป็นการใช้พลังงานสะอาดที่มีส่วนรักษ์โลก

“กำลังการผลิตไฟฟ้าขนาด 74,000 วัตต์จากแสงอาทิตย์ที่เราติดให้ที่สุโขทัยเทรเชอร์ฯ ถ้าคิดหนึ่งปี สุโขทัยเทรเชอร์ฯ ช่วยโลกลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 55 ตัน เทียบเท่าการปลูกป่าต้นสักมากกว่า 3,200 ต้น ช่วยลดการใช้น้ำได้ 100,000 ลิตร จะเห็นว่าคุณวิวัฒน์ทำกิจการโรงแรมก็อยู่กับพลังงานสะอาดได้ นอกเหนือจากประหยัดไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 360,000 บาท” คุณกนกวรรณ กล่าว

ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา สุโขทัย เทรเชอร์ฯ ดำเนินธุรกิจโรงแรมภายใต้แนวคิดรักษ์โลก หรือ Clean 4 Green ใน 3 คอนเซปต์หลัก คือ สุขภาพดี, เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ตอบแทนสังคม ผ่านสิ่งอำนวยความสะดวก การบริการ ระบบรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

พื้นที่กิจกรรม Treasure Farm ของสุโขทัย เทรเชอร์ฯ ตั้งอยู่ถัดจากอาคารห้องพักด้านในสุด

หนึ่งในกิจกรรม Clean 4 Green ที่นำมาใช้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรมคือ Treasure Farm การปลูกผักและสมุนไพรปลอดสารเคมี เพื่อใช้ประกอบอาหารให้กับผู้เข้าพัก อาทิ กะเพรา โหระพา กระเจี๊ยบแดง มะนาว มะระ พริก กวางตุ้ง มะเขือเปราะ มะเขือพวง มะกรูด ใบเตย ผักชี มะเขือเทศ แตงกวา แฟง ฟักเขียว บวบ ถั่วฝักยาว กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ตะไคร้ ผักบุ้งจีน

ปลูกผลไม้ประเภทละมุด กล้วยไข่ กล้วยเล็บมือนาง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง มะม่วงหลายสายพันธุ์ หม่อน มะยงชิด มะละกอ

กระเจี๊ยบแดงในพื้นที่ Treasure Farm 

ผลผลิตในพื้นที่ Treasure Farm

เครื่องทำกล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์

“แม้กระทั่ง ‘อ้อย’ เราก็ปลูกเอง เนื่องจากโรงแรมเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานบ่อย จึงปลูกอ้อยไว้ให้ลูกค้าใช้เวลาแห่ขันหมาก” คุณวิวัฒน์กล่าวและว่า เช่นเดียวกับ กล้วย มีผลผลิตมาก สามารถนำมาทำเป็น กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ คืออบด้วยเครื่องตากกล้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่โรงแรมออกแบบเอง เป็นกล้วยตากปลอดสารเคมี หวานธรรมชาติโดยไม่ใส่ไซรัป จำหน่ายเป็นสินค้าที่ระลึกของโรงแรมในบรรจุภัณฑ์ กระติ๊บสาน ฝีมือหมู่บ้านหัตถกรรมอำเภอทุ่งเสลี่ยม สวยงามและเป็นธรรมชาติ

กระติ๊บสานฝีมือหมู่บ้านหัตถกรรมอำเภอทุ่งเสลี่ยม

ขนมมินิบาร์ภายในห้องพักเป็น ขนมพื้นบ้านจังหวัดสุโขทัย จากชุมชนท้องถิ่นทั้งหมด ประกอบด้วย ขนมเกลียว จากอ.เมือง, ทองม้วน จากบ้านหนองตูม อ.กงไกรลาศ, ขนมผิงจากชุมชนชาวจีน อ.กงไกรลาศ

รถคอกหมู สินค้าที่ระลึกฝีมือเยาวชนโรงเรียนเด็กพิเศษสุโขทัย

การใช้กระติ๊บสานและขนมพื้นบ้านจังหวัดสุโขทัย ถือเป็นกิจกรรมเพื่อ ‘ตอบแทนสังคม’ ได้ส่วนหนึ่ง เช่นเดียวกับการนำสินค้างานฝีมือท้องถิ่นมาเปิดการจำหน่ายเป็นสินค้าที่ระลึกภายในพื้นที่โรงแรม เช่น รถคอกหมู ผลิตภัณฑ์น่ารักปั้นจากแป้งขนมปังฝีมือเยาวชนโรงเรียนเด็กพิเศษสุโขทัย คุณวิวัฒน์รับมาจำหน่ายในราคาที่โรงเรียนกำหนด โดยโรงแรมไม่บวกกำไรเพิ่ม ซึ่งขายดีมาก รวมทั้ง เครื่องประดับเงิน ภาชนะดินเผา และ ผ้าทอพื้นเมือง ในลักษณะผ้าผืนและชุดสำเร็จรูป

เครื่องประดับเงิน

ผ้าทอพื้นเมือง ในลักษณะผ้าผืนและชุดสำเร็จรูป

นาข้าวของรีสอร์ท

จากพื้นที่ทั้งหมด 200 ไร่ คุณวิวัฒน์ใช้พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ทำโรงแรม และเปิดพื้นที่ที่เหลือให้ชาวนาโดยรอบหลายรายเช่าทำ นาข้าวปลอดสารเคมี ไว้ใช้ในโรงแรม

“เราไม่ได้คิดเงินค่าเช่าทำนา แต่เราคิดเป็นส่วนแบ่งผลผลิต และรับซื้อด้วย เนื่องจากเราไม่อยากให้คนมาพักสัมผัสกับยาฆ่าปูยาฆ่าหอย เราก็เลยปลูกข้าวเอง มีทั้งข้าวขาวและข้าวไรซ์เบอร์รี เราให้ปุ๋ยอินทรีย์ มีข้อแม้ห้ามใช้สารเคมี พนักงานกับลูกค้าได้รับประทานข้าวขนิดเดียวกัน ปลูกไปสองฤดูกาล ยังใช้ไม่หมด ทะยอยสีอยู่เรื่อยๆ” คุณวิวัฒน์ กล่าว

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำร่วมกับชุมชนคือ การตักบาตรสะพานบุญรับรุ่งอรุณสุโขทัย โรงแรมจัดรถพาผู้เข้าพักไปซื้อของที่ตลาดเพื่อใส่บาตร ณ สะพานบุญ วัดตะพังทอง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นกิจกรรมดีๆ ที่จังหวัดสุโขทัยจัดทำเพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยที่มีมาแต่โบราณในบรรยากาศวัดกลางน้ำ

ทางเดินไปห้องพักใต้ร่มเงาต้นไม้

จุดจอดจักรยานสำหรับใช้ภายในรีสอร์ท

ด้วยห้องพักเป็นอาคารขนาด 2 ชั้น ตั้งเป็นแนวลึกเข้าไปในพื้นที่กว่า 850 เมตร คุณวิวัฒน์จึงออกแบบ เส้นทางวิ่งและเส้นทางจักรยาน เพื่อลูกค้าที่ต้องการออกกำลังกายในบรรยากาศธรรมชาติและการเข้าออกห้องพักได้สะดวกขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายโดยใช้ห้องยิมของโรงแรม

การรักษาสิ่งแวดล้อมดำเนินการผ่าน ระบบบำบัดน้ำเสีย น้ำจากห้องพักทุกห้องผ่านถังบำบัดน้ำเสียแล้วพักไว้ตามเวลาที่กำหนด เพื่อนำกลับมารดน้ำต้นไม้ น้ำเสียวนเวียนอยูู่ในระบบบำบัดโดยไม่ปล่อยออกไปภายนอกโรงแรม

เนื่องจากมีหลายองค์กรและหน่วยงานมาใช้ห้องจัดประชุม สุโขทัยเทรเชอร์ฯ จึงริเริ่มนโยบาย ห้องประชุมสีเขียว ลดการใช้การน้ำขวด ดินสอและกระดาษ สามารถนำโรงแรมเข้าโครงการสถานที่จัดประชุมประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานเมื่อสามปีที่แล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสมัครเข้าเป็นมาตรฐานสถานที่จัดประชุมอาเซียน

ถังแยกขยะภายในรีสอร์ท

กิจกรรม คัดแยกขยะ เกิดจากการที่โรงแรมส่งพนักงานสองคน คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กับ หัวหน้าทีมสวน ไปผึกอบรม เมื่อกลับมา เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเสนอการทำถังแยกขยะ โดยออกแบบร่วมกับช่างของโรงแรม

แยกเป็น ขยะเปียก-พนักงานสามารถนำกลับไปเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ที่บ้านได้ ขยะทั่วไป-นำไปทิ้งผ่านการจัดเก็บของเทศบาล และ ขยะรีไซเคิล-โรงแรมจำหน่ายแล้วนำรายได้มาเป็นสวัสดิการพนักงาน

แม้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ แต่คุณวิวัฒน์ก็ยังคงนโยบายใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น

“เรามีฟังก์ชั่นใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันเยอะมาก ห้องประชุมสัมมนา บริการอาหารเช้า ลดค่าไฟชัดเจน แต่เราไม่คิดว่าเรามีโซลาร์เซลล์แล้วจะใช้ไฟฟ้าสุรุ่ยสุร่าย เรายังคุยกับพนักงานตลอดเรามีไฟฟ้าได้มาเหมือนไม่เสียสตางค์ แต่เราก็ไม่อยากทำลายโลก เรื่องประหยัดไฟเราวัดเป็นตัวเงินได้ แต่สิ่งที่เราอยากให้ทุกคนมีความรู้สึกร่วมไปกับเรา คือพยายามลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น” กรรมการผู้จัดการ สุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ทฯ กล่าว

“ที่เราเลือกสุโขทัยเทรเชอร์ฯ เพราะอย่างแรกคุณวิวัฒน์ไม่ได้ทำแค่โรงแรม แต่ที่นี่เข้ากับธีมกรีนทุกเรื่อง ทุกอย่างคือสมาร์ตขึ้น” คุณกนกวรรณ กล่าวและว่า รวมทั้งมี พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า ที่เหมาะสำหรับกับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ นั่นก็คือมีการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันเป็นหลัก ซึ่งบ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ จะเข้าไปประเมินผลและให้คำปรึกษาก่อนหากมีบุคคลหรือเอกชนรายใดสนใจใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์

“เรามีโปรดักต์เสนอลูกค้าทุกแบบ คนที่พร้อมและอยากลงทุนเอง บ้านปูฯ จะเข้าไปเลือกเทคโนให้ ติดตั้งให้ ดูแลให้ อันนี้ไม่มีระดับขนาด(scale) ขยับมาอีกแบบคือคนที่เชื่อในเทคโนโลยี แต่ยังไม่พร้อมลงทุนเอง อาจขอแบ่งเป็นงวดๆ บ้านปูฯ ก็ทำให้ หรือแบบสุดท้าย ไม่มีอะไรเลย อยากให้บ้านปูฯ ลงทุนให้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เราทำให้ได้ แต่ต้องเข้าไปดูนิสัยการใช้ไฟ ดูพื้นที่หลังคา ดูเวลาหลักที่ใช้ไฟ เช่น โรงงานที่ใช้ไฟฟ้าที่กะตอนกลางคืนหมดเลย กลางวันไม่ได้ใช้ไฟ เรามองว่าไม่ควร ขนาดลูกค้าจะลงทุนเอง บ้านปูฯ ก็จะบอกว่าไม่ควร เพราะต้องใช้แบตเตอรี่ซึ่งยังมีราคาแพงมาก ไม่คุ้มค่า ถ้าติดโซลาร์แต่ไม่มีใครใช้่ไฟตอนกลางวัน ก็จะเสียของเปล่า” กรรมการผู้จัดการ บริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ กล่าว

ข้อจำกัดของการใช้พลังงานโซลาร์ขณะนี้คือ เมื่อระบบแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้ว ต้องใช้ทันที ไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้

หากต้องการสะสมพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ไว้ใช้ในตอนกลางคืน จำเป็นต้องติดตั้ง แบตเตอรี่ ซึ่งขณะนี้ยังมีราคาแพงมาก โดยบ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาให้แบตเตอรี่มีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น

เช่นเดียวกับโรงแรมสุโขทัยเทรเชอร์ฯ ซึ่งไม่ได้ติดตั้งแบตเตอรี่ เนื่องจากมีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าขณะโซลาร์ทำงานในตอนกลางวัน ไฟฟ้าทุกที่ที่ใช้ในอาคารตรงมาใช้โซลาร์จนหมดก่อน จึงจะไปใช้ไฟฟ้าจากเครือข่ายการจ่ายไฟฟ้าโดยบริษัทสาธารณูปโภคไฟไฟ้า(grid)

คุณกนกวรรณกล่าวด้วยว่า พลังงานสะอาด ยังไปได้ในอีกหลายจุดที่เราอาจนึกไม่ถึง เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยให้หลายเรื่องง่ายขึ้น สะอาดขึ้น เช่น ‘เทศกาลการท่องเที่ยว’ พลังงานสะอาดก็เข้าไปมีส่วนร่วมได้

โซลาร์ลอยน้ำ ในงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2561 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

โดยใน งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2561 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย บ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ ได้แสดงให้เห็นด้วยการเข้าไปสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่จัดงานบางส่วน โดยจัดทำ โซลาร์ลอยน้ำ จำนวน 12,000 วัตต์ ร่วมกับแบตเตอรี่ 25,000 วัตต์ เพื่อผลิตและเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ใช้สำหรับการส่องสว่างและเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นภายใน บูธจำหน่า่ยบัตรเข้าชมการแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสม ตั้งแต่กลางวันจนถึงงานเลิก ระหว่างวันที่ 16-25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

บูธจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสมที่ใช้ไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์

กัญขจี มี้เจริญ, วิวัฒน์ ธาราวิวัฒน์, กนกวรรณ จิตต์ชอบธรรม

“ทุกวันนี้เราได้ยินอยู่แล้วว่า ทุกครัวเรือนจะมีโซลาร์เสรีตามนโยบายรัฐบาลอันใกล้ เราก็หวังว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโซลาร์ให้ได้เยอะที่สุด เราจะมีโรงไฟฟ้าเท่าไรไม่รู้ แต่ไฟฟ้าที่อยู่ในมือเราใกล้ตัวเรา บ้านปูฯ จะทำให้ทุกคนมีโซลาร์ง่ายขึ้น เพื่อหวังไปสิ่งที่สองคือ ถ้าทุกบ้านทุกที่ทุกกิจการติดโซลาร์กันเยอะๆ นึกภาพว่าเรามีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าทั่วประเทศ มันจะเกิดสิ่งที่สองง่ายมาก คือ ‘สมาร์ต คอมมูนิตี้’ เมื่อใดที่เรานำไอโอที(internet of things)มาโยงจุดกำเนิดไฟฟ้าร่วมกันได้ เราจะควบคุมการใช้งานได้ ยิ่งเราเติมแบตเตอรี่เข้าไป กลางวันไม่อยู่บ้านไม่เป็นไร ผลิตโซลาร์ไว้ก่อน เอาไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ไว้ก่อน ตอนเย็นกลับมา บ้านไหนใช้น้อย ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปน้อยหน่อย บ้านไหนใช้เยอะดึงไปเยอะ เกิดการใช้พลังงานที่สมบูรณ์จริงๆ เช้าวันถัดมา แบตเตอรี่ชาร์จได้อีก” กรรมการผู้จัดการ บริษัทบ้านปู อินฟิเนอร์จีฯ กล่าวและว่า หากคนไทยม่ีจิตสำนึกร่วมกันเรื่องการใช้ ‘พลังงานสะอาด’ ไทยจะเป็นสมาร์ตซิตี้ในแบบของเราเองไม่ยาก ไม่จำเป็นต้องสมาร์ตด้านอินเทอร์เน็ตแข่งกับคนอื่นอย่างเดียว สมาร์ตแบบการทำเกษตรกรรมก็ได้ 

สมาร์ตในจุดแข็งของประเทศได้เหมือนกัน