"สุริยะ" เย้ย "อภิสิทธิ์" ใช้มุขไม่จับมือ แค่เกมหาเสียง พร้อมย้ำได้ส.ส.เข้าสภา 150 คนแน่ เหตุชื่อพรรคคล้องนโยบายประชารัฐ เตรียมใช้ "ราคาข้าว" หาเสียงภาคกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการ จัดสัมมนาสมาชิกพรรคในพื้นที่ภาคกลาง ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีแกนนำพรรค อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสุชาติ ตันเจริญ, นายอนุชา นาคาศัย และ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ เข้าร่วมชี้แจงรายละเอียดของข้อกฎหมายและกติกาที่จะใช้ในการลงพื้นที่หาเสียง โดยมี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกในพื้นที่ภาคกลาง จำนวน 26 จังหวัด รวม 92 คนเข้าร่วมสัมมนา
โดยตอนหนึ่งของการสัมมนาแบบปิด นายสุริยะ กล่าวย้ำกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ภาคกลาง ตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เชื่อว่าการแข่งขันของพรรคการเมืองจะขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคเป็นหลัก ซึ่งตนเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ จะได้ส.ส.เข้าสภา เกิน 150 คน เพราะนโยบายของรัฐบาลที่ถูกวางกลยุทธ์ไว้ตั้งแต่การเริ่มต่อตั้งเป็นพรรคการเมือง ที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้หารือกับตนว่าจะมีนโยบายประชารัฐ และพรรคการเมืองจะใช้ชื่อพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้สอดคล้องกัน แต่ปัญหาสำคัญของการเลือกตั้งคือ หากจะชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ชนะคู่แข่ง ดังนั้นพรรคต้องใช้นโยบายที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ไปเสนอกับประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้งด้วย เช่น พื้นที่ภาคกลาง ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกข้าว ผู้สมัคร ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าในเดือนมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ 2562 ราคาข้าวจะปรับสูงขึ้น
นายสุริยะ ยังกล่าวด้วยว่าสำหรับกรณีที่บางพรรคการเมืองประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นการเรียกกระแสทางการเมือง อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเรียกความนิยมจากคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ ลงพื้นที่ไปกี่ครั้งก็สู้ไม่ได้ ไม่เคยชนะ จึงต้องกลับมาหาเสียงกับคนภาคกลาง ที่ไม่นิยมพล.อ.ประยุทธ์ แต่ตนเชื่อว่าหากพื้นที่ภาคกลางสามารถนำเสนอนโยบายที่ประชาชนเชื่อมั่นได้ เช่น ราคาข้าวที่ดีขึ้น จะทำให้พื้นที่ภาคกลางได้ ส.ส.เข้าสภาแน่นอน
ขณะที่นายทศพล เพ็งส้ม ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงตอนหนึ่งถึงขั้นตอนทางกฎหมาย โดยขอร้องว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอย่าแจ้งกับคนพื้นที่ว่าได้เป็นผู้สมัคร และขอให้ใช้คำเรียกเพียงว่าผู้แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค เนื่องจากยังมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยเฉพาะการรับฟังความเห็นจากสมาชิกในพื้นที่ ทั้งนี้ตามปฏิทินการทำงานของพรรค หลังจากวันที่ 11 ธันวาคม ที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ และคาดว่า คสช. จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ในวันที่ 10 ธันวาคม พรรคจะจัดประชุมเพื่อตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ตามที่กฎหมายกำหนดที่ใช้แทนการทำไพรมารี่โหวต จากนั้นวันที่ 12 ธันวาคม จะประชุมเพื่อรับสมัครผู้แสดงเจตจำนงลงเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรค และพิจารณาคัดเลือก โดยมีขั้นตอนที่ต้องรับฟังสมาชิกพรรคในจังหวัด ซึ่งเป็นเพียงการรับฟังความเห็นไม่ใช่การตัดสิทธิใดๆ จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม จากนั้นกรรมการสรรหาจะประกาศรายชื่อ ไม่เกินวันที่ 25 มกราคม 2562