เสียวหมี่โหมสมาร์ทโฟนโค้งสุดท้าย

เสียวหมี่โหมสมาร์ทโฟนโค้งสุดท้าย

“เสียวหมี่” สานต่อความสำเร็จแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตได้เร็วที่สุดในไทย เปิดตัวสินค้าเรือธง 2 รุ่นใหม่ ชิงส่วนแบ่งตลาดโค้งสุดท้ายของปี เล็งกินรวบลูกค้ากทม.-ต่างจังหวัด ตั้งเป้าปีนี้เปิดหมี่สโตร์ทะลุ 30 สาขา

นายจอห์น เฉิน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ เทคโนโลยี กล่าวว่า เดินหน้าบุกหนักตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากการนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดจะเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุม ด้านกลยุทธ์ธุรกิจให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ การออกแบบ การนำสินค้าใหม่ที่มีเอกลักษณ์เข้ามาจำหน่าย สำคัญสร้างความมั่นใจกับลูกค้าว่าจะได้สินค้าที่ดี ประสิทธิภาพสูง ทว่าราคาจับต้องได้

ล่าสุด เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ 2 รุ่น ตระกูล “หมี่ 8” ประกอบด้วย “หมี่ 8 ไลต์(Mi 8 Lite)” ราคาเริ่มต้น 7,990 บาท มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมด้วยรุ่นไฮเอนด์ “หมี่ 8 โปร(Mi 8 Pro)” ราคา 19,900 บาท ทยอยวางจำหน่ายวันที่ 11 พ.ย.เป็นต้นไป นอกช่องทางปกติ ร่วมมือกับผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซเจดีเซ็นทรัล ช้อปปี้ และลาซาด้า

“รวม 2 รุ่นดังกล่าวปีนี้เรานำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เข้ามาเปิดตัวในไทยกว่า 17 รุ่น ทั้งเป็นไปได้ว่าจะมีอีกหนึ่งรุ่นเรือธง หมี่ มิกซ์ 3(Mi MIX 3) เข้ามาจำหน่ายในสิ้นปีนี้ ที่ผ่านมาช่วงราคาที่คนไทยนิยมมากที่สุดอยู่ที่ 5 พันถึง 1 หมื่นบาท”

เขากล่าวว่า มีแผนขยายร้าน “หมี่สโตร์” ต่อเนื่องทั้งในกทม.และต่างจังหวัด จากปัจจุบันมี 12 สาขา สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มไปได้ถึง 30 สาขา แม้ขณะนี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่กทม. ทว่าต่อไปจะพยายามขยายไปต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ รวมถึงระดับอำเภอด้วย เฉพาะแฟลกชิพสโตร์ซึ่งเป็นสาขาใหญ่มีสินค้าครบทุกไลน์ จากปีนี้ที่จะเปิด 1 สาขาที่ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม ไตรมาส 1 ปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีกหนึ่งสาขาที่เซ็นทรัลเวิล์ด

เสียวหมี่ระบุว่า เดือนม.ค.-ต.ค.2561 มียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก จากปีก่อนหน้าช่วงเดียวกันทำได้ 90 ล้านเครื่อง ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ส่วนในตลาดประเทศไทยเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เติบโตได้เร็วที่สุดในตลาด

ไอดีซีเผยตัวเลขผู้ผลิตสมาร์ทโฟนท็อป 5 ของโลกประจำไตรมาสที่ 3 โดยระบุว่า ซัมซุงครองอันดับ 1 ยอดขาย 72.2 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาด 20.3% อันดับ 2 หัวเว่ย ยอดขาย 52 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่ง 14.6% ตามมาด้วยแอ๊ปเปิ้ล 46.9 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่ง 13.2% ขณะที่เสียวหมี่ครองอันดับ 4 ยอดขาย 34.3 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่ง 9.7% อันดับ 5 ออปโป้ ยอดขาย 29.9 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่ง 8.4% รวมทุกแบรนด์มียอดขาย 355.2 ล้านเครื่อง หดตัวลงราว 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

“ขณะที่ตลาดรวมสมาร์ทโฟนโลกตกลง 6% เราสามารถเติบโตได้สวนทาง โดยเพิ่มขึ้น 21.2% และเป็นเพียงหนึ่งในสองแบรนด์ที่สามารถทำได้ ปัจจัยมาจากแนวทางธุรกิจที่มุ่งสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ประสิทธิภาพดี เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า และที่สำคัญที่สุดสินค้าของเราจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้มากที่สุด ในตลาดไทยเองได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ ประเมินจากจำนวนหมี่แฟนจากปีที่แล้วมีอยู่ 3 หมื่นคน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 1.5 แสนคน”