แถลงจับกุมอาวุธสงครามล็อตใหญ่ สารภาพซื้อมาจากเขมรขายออนไลน์

แถลงจับกุมอาวุธสงครามล็อตใหญ่ สารภาพซื้อมาจากเขมรขายออนไลน์

รอง ผบช.ภ.2 - หน่วยความมั่นคง แถลงจับกุมอาวุธสงครามล็อตใหญ่ สารภาพซื้อมาจากเขมรขายออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว บริเวณศูนย์ราชการและศาลากลางจังหวัด ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางมาเป็นประธานการแถลงข่าวการจับกุมอาวุธสงครามในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น ร่วมกับ พ.ต.อ.สุรจิต ชิงณวรรณ์ รักษาราชการแทนผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว , พ.อ.เฉลิม เนียมช่วย รอง กอ.รมน.จังหวัดสระแก้ว, พ.อ.ศราวุธ รบเมือง รอง เสธ.มทบ.19 ,พ.อ.อภิชา คุณสิงห์ รอง ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 13 กองกำลังบูรพา ,พ.ต.อ.อภิรักษ์ เวชกาญจนา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ,พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.วังน้ำเย็น ,ร.ท.พิศิษฐ์ ปรวัฒน์ ผบ.ร้อย.ทพ.ที่ 1306 กรมทหารพรานที่ 13 ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการนำอาวุธสงครามของกลางที่จับกุมได้มากกว่า 10 รายการ มาร่วมแถลงข่าวครั้งนี้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายและค่ำวันที่ 10 พ.ย.60 ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังร่วมกันเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 126 บ้านโนนทอง ม.18 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เนื่องจากสืบทราบว่า เป็นแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงครามหลายชนิด อาวุธปืนลูกซอง พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมตัว นายสมคิด พุทธิชนย์ อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน มาสอบสวนที่ สภ.วังน้ำเย็น พร้อมให้การว่า อาวุธปืนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบุตรชาย ทราบชื่อภายหลังว่า นายธนพงศ์พันธ์ พุทธิชนย์ อายุ 32 ปี บุตรชายของนายสมคิด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อส.พื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้วด้วย

สำหรับของกลางที่เจ้าหน้าที่่นำมาร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย ปืนกลมือ ขนาด .45 UZI บรรจุกระสุน 10 นัด 1 กระบอก ,ปืนเล็กยาว AK47 (อาก้า) บรรจุกระสุน 10 นัด 1 กระบอก, ปืนเล็กยาว AK47(อาก้า) พร้อมซองกระสุน 1 กระบอก , ปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ ,ปืนลูกซอง 5 นัด /ซองกระสุน ขนาด 9 มม. จำนวน 2 ซอง ,ส่วนประกอบอาวุธปืนลูกซอง ,กระสุนปืน AK47 (อาก้า) จำนวน 11 นัด ,ปืนเล็กยาว AK47 (อาก้า) บรรจุกระสุน 14 นัด 1 กระบอก รวมทั้งสิ้นกว่า 10 รายการ และอุปกรณ์แปรรูปไม้อีกหลายรายการ

พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า อาวุธสงครามดังกล่าว มีการซื้อมาและขายไปในราคาตั้งแต่ 4,000 บาทขึ้นไป โดยเกี่ยวพันกับบุคคล 3 กลุ่ม คือ กลุ่มก่อความไม่สงบ ,กลุ่มแก๊งคนร้ายมือปืนรับจ้าง และกลุ่มค้ายาเสพติด ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า เป็นกลุ่มคนร้ายและยาเสพติดด้วย ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่า นำเข้าอาวุธสงครามดังกล่าวมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และส่วนหนึ่งมีการนำมาขายกันในตลาดออนไลน์ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการบูรณาการในการหาข้อมูลร่วมกัน เนื่องจากมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งได้มีการข่าว ตั้งจุดสกัดร่วมกับทหาร เนื่องจากพื้นที่สระแก้วเป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง

พ.อ.อภิชา คุณสิงห์ รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 13 กองกำลังบูรพา กล่าวว่า เนื่องจากอาวุธดังกล่าวมีการนำเข้ามาจากแนวชายแดน ทางฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา ได้มีการพบปะพูดคุยกันระหว่างสองประเทศอยู่เป็นประจำโดยให้หมู่บ้านตามแนวชายแดนและผู้นำชุมชน ช่วยกันสอดส่องดูแล คาดว่า อาวุธปืนดังกล่าวอาจจะมาจากพื้นที่อื่น ซึ่งไม่ใช่แนวชายแดนหรือชุมชนตามชายแดน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศก็ให้ความร่วมมือกันในการสกัดกั้นแก๊งเหล่านี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธสงครามหรือสิ่งของผิดกฎหมายต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.เชษฐา ได้ชี้แจงกรณีที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงผู้ต้องหาที่เป็นคนของฝ่ายปกครอง หรือ อส.ด้วย ซึ่งมีการยืนยันว่า ผู้ต้องหามีอาชีพรับจ้าง และทำงานในอำเภอเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก็ยืนยันเช่นกันว่า ผู้ที่ถูกจับกุมมีอาชีพแค่รับจ้าง ส่วนบุตรชายของผู้ถูกจับกุมซึ่งเป็น อส.ถือว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่นั้น ไม่ได้มีการชี้แจงกรณีนี้ แต่จะมีการดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายทั้งหมด