เปิด'ร้านประชารัฐสุขใจ Shop' 148แห่งทั่วประเทศ 1เม.ย.นี้

เปิด'ร้านประชารัฐสุขใจ Shop' 148แห่งทั่วประเทศ 1เม.ย.นี้

รัฐบาลเตรียมเปิด "ร้านประชารัฐสุขใจ Shop" 148 แห่งทั่วประเทศ 1เม.ย.นี้ เน้นจำหน่ายสินค้า OTOP และให้ข้อมูลท่องเที่ยวท้องถิ่น

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเปิด “ร้านประชารัฐสุขใจ Shop” ที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. จังหวัดละ 2 แห่ง รวม 148 แห่งทั่วประเทศ 1 เม.ย.นี้ เพื่อเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้า OTOP และให้บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยคัดเลือกและพัฒนาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์ก่อนนำขึ้นชั้นวางจำหน่ายทุกร้านค้า

พลตรีสรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 100 ล้านบาท ระยะ 3 ปี (2559 – 2561) เพื่อผลักดันโครงการประชารัฐเพื่อวิสาหกิจชุมชน หรือร้านประชารัฐสุขใจ เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าให้ผู้ผลิตสินค้าโอท็อปและวิสาหกิจชุมชน โดยจะคัดสรรสินค้าโอท็อปเด่นของแต่ละจังหวัดในระดับเกรดเอ และบี มาวางจำหน่าย พร้อมทั้งจะพัฒนาคุณภาพและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าโอท็อปทั่วไปให้มีมาตรฐานเทียบเท่าเกรดเอและบี เพื่อวางจำหน่ายต่อไป เบื้องต้นรัฐบาลวางเป้าหมายว่าจะมีสินค้าวางจำหน่ายปีละ 7,400 – 30,000 รายการ มีสินค้าที่จะได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ปีละ 500 รายการ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนทั่วประเทศปีละ 50 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานหรือประชาชนร่วมผลิตสินค้าปีละ 1.48 แสนราย โดยหลังจากดำเนินการไปแล้ว 3 ปี ร้านประชารัฐสุขใจแต่ละร้านจะสามารถดูแลตนเองได้

พลตรี สรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการบริหารจัดการร้านค้าได้กำหนดไว้ 3 รูปแบบ คือ ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายโอท็อปของจังหวัด ขับเคลื่อนโดย สนง.พัฒนาชุมชนของจังหวัดประสานกับกลุ่มผู้ผลิตสินค้า หรือขับเคลื่อนโดยอาศัยผู้ขาย (Trader) อาชีพ ทำหน้าที่รวบรวมและจัดส่งสินค้าเข้าร้าน โดยช่วงเดือน มี.ค.59 ได้ดำเนินการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ และคัดเลือกสินค้าเรียบร้อยแล้ว

“นายกฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจจากภายใน โดยเริ่มจากระดับชุมชน ตำบล อำเภอ และจังหวัด ซึ่งโครงการร้านประชารัฐสุขใจ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากระดับชุมชนสู่ระดับประเทศ และเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคอาเซียนและประชาคมโลก โดยได้เน้นย้ำให้ทุกร้านค้า รักษามาตรฐานของสินค้าและบริการ เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เดินทางไปมาในประเทศอย่างต่อเนื่อง และหากประเมินผลแล้วเป็นที่น่าพอใจ ขอให้มีการขยายจำนวนร้านค้าในปั๊ม ปตท.เพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นมีโอกาสเข้าถึงช่องทางการกระจายสินค้าได้มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาต่อไปถึงการตั้งร้านค้าในปั๊มน้ำมันที่ ปตท.ไปลงทุนในต่างประเทศ ช่วยเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าโอท็อป และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยได้อีกช่องทางหนึ่ง”

ทั้งนี้ โครงการประชารัฐเพื่อวิสาหกิจชุมชน ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กรมการพัฒนาชุมชน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย