นายกฯสั่งล่าตัวผู้บงการโพสต์ข้อความผิดม.112

นายกฯสั่งล่าตัวผู้บงการโพสต์ข้อความผิดม.112

นายกฯมั่นใจจับมือบึ้มสยามพารากอนได้แน่ กำชับเด็ดขาดล่าตัวผู้บงการโพสต์ข้อความผิด ม.112

ที่สโมนสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาวางระเบิดบริเวณห้างสยามพารากอน ว่า เท่าที่ได้รับรายงานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับตัวผู้ต้องหาไปแล้ว และคิดว่าจะได้ตัวอย่างแน่นอน ส่วนจะไปพัวพันและเกี่ยวโยงกับใครนั้น ตนได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นพวกไหน เพราะเรามีพยานหลักฐานมากพอสมควร "ขอให้ใจเย็นๆ มันต้องได้ตัวสิ แม้วันนี้จะยังไม่ได้ ข้างหน้าก็ต้องให้ได้ตัวไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างอีกต่อไป"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาที่กระทำผิดกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งจับกุมได้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องมีการโพสต์ข้อความซึ่งต้องดูรายละเอียดกัน ทั้งนี้อยากเรียนว่าทั้งหมดคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้เกิดความชอบธรรมด้วยหลักฐาน เราจะกล่าวอ้างลอยๆ ไม่ได้ จะต้องมีการติดตามทุกคดีไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ จับได้หรือไม่ได้ก็ต้องรู้ว่าอยู่ตรงไหน ถ้าอยู่ในต่างประเทศจะทำอย่างไร เขาจะมีการส่งตัวให้หรือเปล่า เพราะเราไม่สามารถไปจับกุมตัวยังต่างประเทศได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการรายงานหรือไม่ว่าต้นตอของการปล่อยข่าวนั้น มาจากต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการสอบต่อ วันนี้ต้องเอาตัวผู้ต้องหามาก่อน จากนั้นก็จะต้องสอบต่อว่าที่โพสต์ข้อความมานั้น โพสต์เพราะอะไร เป็นอย่างไร เรื่องนี้เคยชี้แจงแล้วว่าเราจับกุมมาหลายราย ก็จะอ้างว่าไม่รู้เรื่อง โพสต์ต่อมาจากคนนั้น คนนี้ไม่มีใครยอมรับสักคน ซึ่งเรื่องแบบนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ทรงเมตตาคนเหล่านี้ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เข้าใจ

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างกับผู้ร้ายปากแข็งที่ไม่ยอมรับผิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำอย่างไร ก็ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ โดยการสอบด้วยหลักฐานและพยานต่างๆ ถ้าผิดก็ต้องดำเนินคดีจำคุกกี่ปีก็ว่ากันไปตามขั้นตอน ในวันข้างหน้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงพระราชทานอภัยโทษ ก็เป็นแบบนี้ คนถึงไม่ค่อยกลัวกัน ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงมีเมตตา

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะสามารถใช้กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์จัดการได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกัน แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 ฉบับของกระทรวงโทคโนโลยีสารสนเทศ จำเป็นต้องออกให้ทันเวลา ให้ทันการเปิดใช้ 4 จีในประเทศ รวมไปถึงการประมูลคลื่นความถี่และโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร ซึ่งมีทั้งของรัฐบาลและเอกชนเข้ามาลงทุน กรณีนี้ต้องดูแลทั้งระบบทั้งการบริหารจัดการ หน้าที่ของ กสทช.งบประมาณจากการประมูลคลื่นความถี่ และรัฐบาลจะได้ประโยชน์อย่างไร และจะนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวหากมองในแง่ของเสรีภาพอย่างเดียวคงไม่ได้ ดังนั้นการที่รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หากไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งต้องดูเรื่องของจุดประสงค์ด้วยว่ารัฐต้องการเข้าถึงข้อมูลด้วยเหตุผลอะไร และหากเข้าไปดูข้อมูลเพราะมีการทุจริตผิดกฎหมายจะทำได้หรือไม่ นอกจากนี้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติจะทำอย่างไร

“ถ้าบอกว่าอะไรก็อิสระเสรีทั้งหมด แต่ปัญหาต่างๆทำให้เกิดความรุดแรง ซึ่งเราต้องช่วยกันดูในหลายอย่าง ต้องช่วยผมคิดว่าจะทำอย่างไร ตอบให้ผมด้วย ร่างกฎหมายให้ผมหน่อยสิ ว่าสื่อเสรีภาพจะทำอย่างไรถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ มีการปลุกปั่น ปลุกระดมมวลชนหาทางออกให้ผมหน่อย ถ้าบอกว่าตีกันเหมือนเดิม รับได้ก็รับ ถ้าไม่มีอะไรผิดถูกใครจะอยากไปดู” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว