ไวรัส 'Covid-19' สังคมโลกกำลังเปลี่ยนเข้าสู่ MODE ของสันโดษ-สมถะ

ในช่วงที่ต้องอยู่นิ่งๆ เฉยๆ อ่านเขียนหนังสือไปเรื่อยขณะนี้ ดิฉันได้หยิบหนังสือเก่าที่เคยจัดทำไว้สมัยเรียนจบใหม่ๆ เมื่อทำงานอยู่ที่โครงการจัดพิมพ์คบไฟ มานั่งอ่านซ้ำอีกครั้ง นั้นคือหนังสือ “แบล็ค เอลค์พูด : อัตชีวประวัติของบุคคลศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าโอกลาลาซู” แปลโดย พี่พจนา จันทรสันติ

ประมาณ 30 ปีผ่านไปแล้วกระมังที่ดิฉันได้ทำและอ่านหนังสือเล่มนี้ หากเมื่อนำมาอ่านอีกครั้งดิฉันก็ได้พบข้อมูลน่าสนใจหลายอย่าง ที่แบล็ค เอลค์เล่าไว้ในประวัติตนเอง

ประเด็นหนึ่งที่ทำให้ดิฉันสะดุด ฉุกคิดขึ้นมา ที่ 30 ปีก่อนเพียงอ่านผ่านๆ ไม่ได้เห็นว่าสำคัญแต่อย่างใด

นั้นคือการที่ผู้เฒ่าแบล็ค เอ้ลค์ ได้มีความสามารถในการใช้จิตหยั่งถึงนิมิตและความรู้ต่างๆโดยตรง(intuition) อย่างแจ่มชัด เกิดขึ้นหลังจากที่ท่านเล่าไว้ว่า ตนเองป่วยหนักตอนอายุ 9 ขวบ จนนอนนิ่งเหมือนคนตายอยู่หลายวัน และเห็นนิมิตต่างๆ ขณะจิตล่องลอยสู่ทิพยภาวะ ครั้นฟื้นกลับมา แบล็ค เอ้ลค์ก็ได้มีความสามารถในการใช้พลังจิต เห็นนิมิต และหยั่งรู้ด้วยจิตโดยตรงได้อย่างชัดแจ้ง เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆมานับแต่บัดนั้น

ประเด็นนี้เองที่แบล็ค เอ้ลค์เล่าไว้ตั้งแต่บทแรกๆในชีวประวัติของตน

ในปีพ.ศ.2563 เมื่อดิฉันได้นำหนังสือเล่มนี้มาอ่านทบทวนใหม่ ก็ทำให้ดิฉันสะดุดกึ้กกับเรื่องเล่านี้ ทันที

ก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยร่างหลักสูตรการสอนกลุ่มผู้หญิงในหัวข้อ “วงกลมแห่งพลังสตรี” ดวงดาวและฤดูกาลแห่งชีวิต โดยดิฉันได้สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับความสามารถในการใช้จิตหยั่งถึงโดยตรง (intuition) มีที่มาจาก  4หนทางคือ

1. ตายแล้วฟื้น (สภาวะนี้ทำให้เกิดกลไกให้สารDMTในสมองหลั่งอย่างต่อเนื่อง เมื่อฟื้นกลับมา สมองก็ยังสร้างสารDMT ออกมาอยู่ตลอด)

2.ปฏิบัติภาวนาจนได้ฌานขั้นสูง

3. การใช้สมุนไพรบางตัว ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกทวีปของชนเผ่าต่างๆในโลก ดังเช่น การใช้ “ยาวาสก้า” ของอินเดียนแดงในเขตละตินอเมริกา ,

การใช้ตะบองเพชรเปโยติเพื่อช่วยให้ประตูแห่งการรับรู้เปิดสู่การเข้าถึงโลกของพลัง ในหมู่อินเดียนแดงแถบอะริโซน่า เม็กซิโก ที่คาร์ลอส คาสตาเนด้า นักเขียนและนักมานุษยวิทยาชาวอเมริกันบันทึกไว้ในผลงานหนังสือ หยุดโลก : บทเรียนชีวิตจากดอน ฮวน,

การใช้เปลือกกระถินบางพันธุ์ของคนพื้นเมืองตระกูลชาวเล อะบอริจิ้น เมารีที่อยู่ในทะเลแปซิฟิก อันดามัน และเกาะที่ไต้หวัน เป็นตระกูลสมุนไพรซึ่งเสพเข้าไปแล้วมีสาร DMT กระตุ้นสมองให้สามารถติดต่อกับกับพลังได้ และมีสารบางตัวไปกระตุ้นให้DMTในสมองหลั่งอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพสูงสุด ในช่วงเวลาหนึ่ง

4.ชะตากำเนิด (ดังเช่นที่บันทึกไว้ในตำราดาว,สมุดพระตำราฤกษ์บนมาตั้งแต่สมัยอยุธยาว่า คนที่เกิดเมื่อลัคนาอยู่ในกลุ่มดาวอสิเลส,เชษฐ,เรวดี จะมีดวงจิตที่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูง หรือเป็นแม่มด, หรือคนที่ดาวเจ้าเรือนมรณะกุมลัคน์, หรือคนที่ดาวเกตุ ดาวพลูโต ดาวมฤตยู มีผลมากกับลัคนากำเนิด)

30 ปีผ่านไปหลังจากทำหนังสือแบล็ค เอ้ลค์พูด ครั้นได้หยิบหนังสือเล่มนี้กลับมาอ่านใหม่ ดิฉันก็พบว่า แบล็คเอ้ลค์ คนเฒ่าอินเดียนแดงดูจะเป็นตัวอย่างยืนยันให้เห็นชัดแจ้งถึงข้อสังเกตที่ดิฉันตั้งไว้ ว่าคนที่จะติดต่อกับ “พลัง” เข้าถึงทิพยภาวะได้นั้น มีที่มาจาก 4 สาเหตุ

จะต้องเป็นจริงแน่นอน

ผู้เฒ่าแบล์ค เอ้ลค์ คนนี้คงมีครบทั้ง 4 ปัจจัยที่กล่าวไว้ คือตายแล้วฟื้น, บำเพ็ญภาวนาจนได้ฌานขั้นสูง, ใช้สมุนไพรบางตัว, ชะตากำเนิด

พลังจิตของท่านจึงได้เข้มข้นมาก

แต่ทั้ง 4 สาเหตุของการได้มาแห่ง Intuition นี้ ดิฉันเห็นว่า “ชะตากำเนิด” สำคัญที่สุด เพราะเป็นต้นรากที่จะแตกหน่อออกผลให้นำไปสู่อีก 3 สาเหตุที่จะติดตามมา

ในเรื่องของ “ชะตากำเนิด” นี้ เมื่อ 10 กว่าวันก่อน ในค่ำคืนยามดึก ดิฉันได้สนทนาทางไลน์กับน้องกี้ คุณจารุปภา วะสี ดังนี้

จารุปภา : เมื่อเราเชื่อมโยงกับครูและเทพประจำตัวเราได้ เราก็จะรับรู้ได้ว่าชีวิตเรานั้นศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหมพี่เอียด

นิพัทธ์พร : ใช่ ชีวิตสร้างจากพลัง ชีวิตทุกคนศักดิ์สิทธิ์ เราเขาไม่ต่างกัน เพราะสร้างจากพลังชุดเดียวกันที่อธิบายในรูปธรรมของดาวพระเคราะห์ แต่การจัดเรียงของพลังต่างกัน มนุษย์จึงต่างคนละขั้ว เหมือนโน้ตดนตรี 7 ตัว แต่เรียบเรียงเป็นเพลงได้ไม่รู้จบ ไม่อาจนับจำนวนได้มาตั้งแต่สร้างโลก

มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นด้วยพลังชุดเดียวกัน พลังนั้นมีรูปธรรมให้เห็นอยู่ในวิชาโหราศาสตร์โบราณที่พยายามบอกเล่าเรื่องนี้มาหลายพันปีแล้ว ให้ปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมว่า ชะตาเกิดของแต่ละคน ประกอบด้วย กลุ่มดาวฤกษ์ 12 ราศีที่พระอาทิตย์โคจรผ่าน(ราศีเมษ พฤษภ มิถุน กรกฎ สิงห์ กันย์ ตุล พิจิก ธนู มังกร กุมภ์ ราศีมีน),

กับอีกกลุ่มดาวฤกษ์ 27 กลุ่มดาวที่พระจันทร์โคจรผ่าน(จากอัศวินี,ภรณี,กิตติกา,....จนถึงเรวดี) แล้วยังมีดาวพระเคราะห์กับคราสในวิชาโหราศาสตร์โบราณที่พัฒนาเรื่อยมา 12 ดวง (คือดาวอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ราหู เกตุ มฤตยู พลูโต เนปจูน) รวมทั้งหมดแล้ว มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังที่แตกต่างกันถึง 51 กลุ่มดาว ในกาแลกซี่นี้

นั้นจึงทำให้มนุษย์มีความแตกต่าง หลากหลาย ซับซ้อนยิ่งนัก ขนาดโน้ต 7 ตัวของดนตรี ยังสร้างเพลงได้ไม่รู้จบมาเป็นล้านปี มากมายแตกต่าง นับจำนวนเพลงไม่มีวันถ้วนได้แล้ว

แต่มนุษย์ถูกสร้างขึ้นด้วย 51 กลุ่มดาว จะยิ่งแตกต่าง ซับซ้อนไม่รู้จบเพียงไหน นั้นทำให้หน้าตา นิสัย กรรม ชะตาชีวิตของมนุษย์แต่ละคนไม่มีทางเหมือนกันได้

คิดดูเถิด มนุษย์จะออกมาแตกต่างทั้ง ดี ชั่ว อุบาทว์ ศักดิ์สิทธิ์ ร่าเริง สุข เศร้า งดงาม รันทด น่าเกลียด นานาสารพัดนิสัยใจคอ มากยิ่งกว่าเพลงที่โน้ตดนตรี 7 ตัวสร้างขึ้นมา-มากขนาดไหน

แต่ลึกถึงก้นบึ้งอย่างที่สุดแล้ว นี้คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนมาจากพลังชุดเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน อัตตาของมนุษย์ถูกสร้างขึ้น แบ่งแยกมนุษย์ออกจากกัน-ทั้งที่ไม่มีจริง เพราะมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน มาจากแหล่งกำเนิดของพลังชุดเดียวกัน

จารุปภา : ไม่เคยรู้แบบนึ้เลย เราทุกคนเป็นส่วนผสมของพลังต่างๆ

จารุปภา : เรื่องแบบนี้มีพลังมาก

นิพัทธ์พร : นี่คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในวิชาโหราศาสตร์ ไม่เคยมีใครสอน วันหนึ่งพี่ดูดาวอยู่ ก็เข้าใจกระจ่างวาบขึ้นมาเอง ในขณะมองดูฟ้ามืดและดวงดาวในค่ำคืนหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน

ยังมีอีกความเข้าใจ ที่ดิฉันได้มาจากการดูดาว นิ่งๆเงียบๆ อยู่ในแต่ละค่ำคืน

ด้วยในกาแล็กซี่นี้ พลังที่ปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมของดวงดาว ไม่ได้สร้างเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น พลังงานจากทิพยภาวะยังสร้างดิน หิน ต้นไม้ สัตว์ สายน้ำ ท้องทะเล เชื้อโรคที่มองไม่เห็นอีกเหลือคณานับ

มนุษย์กับธรรมชาติรอบตัว จึงเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะต่างเป็นปรากฏการณ์ของรูปธรรม ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังชุดเดียวกัน

การที่มนุษย์ทำลายโลก ทำลายดิน น้ำ ไฟ ลม ทำลายธรรมชาติ นั้นจึงเป็นสิ่งที่ปราชญ์ นักปรัชญาโบราณบอกมาเสมอว่า เรากำลังทำลายตัวเอง

นั้นคือเรากำลังทำลายพลังชุดเดียวกันกับที่สร้างเราขึ้นมา

เมื่อธรรมชาติพัง เสียสมดุล พลังงานชุดเดียวกันที่สร้างธรรมชาติและมนุษย์ขึ้นมา ถูกทำให้แปรปรวน เสียสมดุล พังพินาศต่อเนื่องไปเหมือนโดมิโน

มนุษย์จึงพังไปด้วย

และขณะนี้ โลกก็กำลังสั่นสะเทือนจากชุดของพลัง ที่สร้างโรคระบาดไวรัสโควิค-19 ขึ้นมา

สังคมโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดแล้ว

สังคมโลกกำลังเปลี่ยนเข้าสู่โหมด สันโดษ สมถะ ด้วยเหตุสั่นสะเทือนรุนแรงจากไวรัสโควิค 19 หากจะกล่าวตามวิชาโหราศาสตร์ ที่ดิฉันได้เขียนไลน์ตอบคำถามผู้ใหญ่หลายท่านไว้เมื่อหลายวันก่อนก็คือช่วงวันที่ 18 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2563

ตลอด 4 เดือนนี้ เป็นช่วงดาวพฤหัสโคจรอยู่ในราศีมังกร มีสภาพเป็นนิจ ดูในท้องฟ้ายามค่ำคืน จะเห็นดาวพฤหัสแสงมัวซัวไปเรื่อยๆ นั้นคือดาวพฤหัสอ่อนกำลังหนัก ดาวพฤหัสเป็นดาวทางการแพทย์ หมอยา เมื่อดาวพฤหัสมัวซัวเช่นนี้ เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ว่า ไวรัสจะระบาดหนัก บีบให้มนุษย์ต้องกลับมาอยู่บ้าน  เข้าสู่สภาพ introvert ไม่อาจออกไปextrovert นอกบ้านได้

มนุษย์จะมีชีวิตกลับเข้าช่องเดิม ของโลก 100-200 ปีก่อน ที่อยู่กันอย่างมีระยะห่าง กระทั่งคนอยู่คอนโดมิเนียมก็ดูจะคล้ายๆ มนุษย์ถ้ำ อยู่ในช่องใครช่องมัน

ตลอด 4 เดือนเต็มของการระบาดหนัก คนทั้งโลกจะเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนความเคยชิน จะสันโดษเป็น

หลังจากวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ดาวพฤหัสจะเดินถอยหลังกลับเข้าไปอยู่ในกลุ่มดาวราศีธนู ซึ่งเป็น “เกษตร” อันหมายถึงดาวพฤหัสกลับบ้าน แสงจะเรืองขึ้น มีกำลังขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเดินถอยหลังอยู่ จนกระทั่งวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2563 ดาวพฤหัสจะเดินหน้าปกติในกลุ่มราศีธนู

ราศีธนูเป็นบ้านของดาวพฤหัส เวลาดาวพฤหัสเดินปกติในกลุ่มดาวราศีธนู แสงจะเจิดจ้ามาก และโรคระบาดไวรัสจะทุเลาลง จะควบคุมได้

ถึงตอนนั้น 4 เดือนเต็มผ่านไป คนจะเห็นคุณค่าของสันโดษ สมถะ และความเคยชินใหม่ในการอยู่อย่างสันโดษ จะแผ่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ

และโลกจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคราศีกุมภ์(Aquarius Age) มากขึ้นแบบก้าวกระโดดแล้ว

ถึงตอนนั้น คนจะรู้จักกับพลัง การใช้intuition ปัญญาญาณหยั่งรู้ด้วยจิตโดยตรง รู้จักอย่างเข้มข้น แผ่ขยายกว้างมากขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้ว

ความเคยชินใหม่ ความเข้าใจแบบใหม่ของคนในโลก ที่จะอยู่อย่างสันโดษเป็น สมถะเป็น ในทุกกลุ่มชน ทุกอายุ ทุกวิชาชีพ จะแผ่ขยายไปทั่วโลก

สภาวะเช่นนี้-มีที่มาจาก การระบาดของไวรัสโควิค-19  นี้เอง