เที่ยว ‘กระบี่’ มีแต่ได้
ถึงทะเลยังเป็นหัวใจหลักของ 'กระบี่' แต่ที่นี่ยังมีอีกหลายสิ่งดีๆ ที่ทั้งดีต่อกายและดีต่อใจ
แม้ฤดูมรสุมกำลังจะมาเยือน ความคึกคักของหลายจังหวัดทางฝั่งอันดามันจะค่อยๆ เจือจาง แต่ความเขียวของต้นไม้ป่าเขา รวมทั้งอากาศชุ่มชื่นเย็นสบาย ก็ยังทำให้เที่ยวได้ในอีกอรรถรส
โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ ที่หลายคนบอกว่า “เที่ยวกระบี่ไม่มีเบื่อ” เห็นจะจริง เพราะไม่ว่าจะช่วงเวลาใด กระบี่ที่มีทรัพยากรมากมายและหลากหลายทั้งน้ำตก ลำธาร ภูเขา ทะเล เกาะแก่ง แหล่งประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต รวมไปถึงอาหารรสเลิศ ทำให้สับเปลี่ยนสัมผัสความเป็นกระบี่ได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่า “เที่ยวกระบี่มีแต่ได้...”
- ได้ผิวสวยด้วยสามน้ำ
ไม่ใช่แค่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์หรือแหล่งท่องเที่ยวสวยงามเท่านั้น แต่การมาเที่ยวกระบี่ยังได้สุขภาพดีกลับไปด้วย เพราะบริเวณที่ตั้งของหลายจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันเป็นแหล่งของน้ำพุร้อนและแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติซึ่งในกระบี่ก็มีอยู่หลายแห่ง บางแห่งเปิดเป็นสาธารณะแต่หลายแห่งอยู่ในที่ดินของเอกชน หนึ่งในนั้นคือ วารีรัก ฮอท สปริง รีทรีต หรือเรียกง่ายๆ ว่า ‘วารีรักสปา’ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอคลองท่อมซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น ‘เมืองสปา’
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกร้อนคลองท่อม สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกระบี่ โดยใช้เส้นทางเดียวกันกับทางเข้าน้ำตกร้อน
บ่อน้ำร้อนแห่งนี้ถูกขุดพบโดยบังเอิญในขณะที่จะขุดบ่อเพื่อทำการเกษตร จากนั้นได้ให้บริการสปามาตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ. 2540 -2541 โดยการทำสปาควบคู่ไปกับการแช่บ่อน้ำร้อนเพื่อสุขภาพอย่างครบวงจรและมีเอกลักษณ์
ที่ว่ามีเอกลักษณ์เพราะบ่อน้ำร้อนต่างๆ ถูกใส่กิมมิกให้เป็นบ่อของกินรีในวรรณคดีไทย ถึงขนาดตั้งชื่อว่า ‘กินรีฮอทสปริง’ เท่านั้นไม่พอก่อนลงไปแช่น้ำร้อนยังมีท่าบริหารคล้ายกินรีกำลังร่อนลม
อีกเอกลักษณ์ก่อนแช่ตัวคือการขัดผิว ล้างตัวจนสะอาดแล้วมานอนบนเตียง พนักงานจะเริ่มสครัปจากส่วนขา ส่วนประกอบของครีมที่นำมาขัดผิวได้แก่ ข้าวสารข้าวหอมมะลิ เอามาปั่น ผสมโยเกิร์ต ผสมน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะขาม ขัดผิวให้จนทั่วตัว ข้าวสารที่ปั่นจะยังหยาบๆ นิดหน่อย ใช้วิธีการขัดเบาๆ ลูบไปตามตัว ไม่เจ็บ แต่ผลที่ได้คือผิวที่เนียนนุ่ม จากนั้นล้างตัวแล้วไปแช่น้ำแร่กัน
บ่อที่เห็นเรียงรายไม่ใช่นึกจะลงไปตามใจ แต่ต้องมีวิธีแช่ พนักงานที่คอยดูแลแนะนำว่าให้แช่น้ำร้อนสลับเย็น บ่อละไม่นานมากนัก เวียนประมาณ 3-4 รอบ หากมีอาการอ่อนล้าให้พักก่อนได้ และมีน้ำดื่มให้จิบเรื่อยๆ ซึ่งผลที่ได้หลังจากแช่ ต้องยอมรับว่ารู้สึกผ่อนคลายมาก เลือดลมสูบฉีด แต่จะมีก็แค่เงื่อที่ยังไหลไม่หยุดเพราะข้างในยังเบิร์นอยู่
อาจสงสัยว่านอกจากความผ่อนคลายจากน้ำร้อนแล้วยังมีอะไรซ่อนอยู่ในน้ำแร่ที่นี่ ได้มีการส่งตัวอย่างน้ำไปตรวจที่ Department of Science Service and Lobor Romeis Bad Kissengen ประเทศเยอรมนี พบว่าน้ำจากวารีรักเป็น ‘น้ำแร่ร้อนใต้ผิวโลก’ ได้มาตรฐานคุณสมบัติน้ำแร่ของสมาคมสปาเยอรมนี และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเยอรมนี ที่จะจัดเป็น Therme สปาและรีสอร์ท เลยทีเดียว
ผ่านน้ำแร่ไปแล้วมาต่อด้วยน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษ เพราะที่นี่คือ บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม แค่ชื่อของบ่อน้ำพุร้อนที่ไม่เหมือนใครแบบนี้น่าจะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนรู้สึกอยากมาลองดูสักครั้ง
ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของอำเภอคลองท่อม โดยบ่อน้ำพุร้อนเค็มนั้นอยู่ในบริเวณเขตป่าชายเลนคลองบางผึ้ง ประกอบไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนเค็มที่เรียงรายเล็กใหญ่จำนวนมากถึง 14 บ่อ และแต่ละบ่อนั้นวัดระดับความเค็มได้ถึง 10 ppm อุณหภูมิของน้ำในบ่อประมาณ 40 - 47 องศาเซลเซียส นับว่าไม่ร้อนเกินไปสำหรับการแช่น้ำร้อน
ความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำพุร้อนเค็มนั้นอยู่ที่ความใสสะอาดสะท้อนกับท้องฟ้าเป็นสีมรกต ปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งคนในพื้นที่ต่างนิยมที่จะมาแช่น้ำ เพราะเชื่อกันว่ารักษาโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคปวดเมื่อยตามข้อกระดูก โรคไหลเวียนโลหิต โรคผดผื่นคัน รวมทั้งมีบ่อโคลนอีก 1 บ่อ ซึ่งนำมาพอกหน้า พอกตัวรักษาสิว ฝ้า และโรคผิวหนังได้
อีกความมหัศจรรย์คือ ‘รสเค็ม’ สาเหตุที่มีรสชาติเค็มนั้น เกิดจากการผสมกันของน้ำร้อนและน้ำทะเลในระดับลึกก่อนโผล่พ้นผิวดิน เกิดเป็นน้ำพุร้อน จัดอยู่ในประเภทน้ำพุร้อนเกลือ (Salt Spring) หรือน้ำพุเกลือ ซึ่งมีปริมาณของเกลือผสมอยู่มากกว่า 9 กรัมต่อลิตร
บริเวณรอบๆ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามธรรมชาติ มีบ่อน้ำพุร้อนเค็มกระจายอยู่รอบบริเวณพื้นที่
สำหรับข้อควรปฏิบัติในการแช่น้ำพุร้อนเค็ม มีดังนี้ 1.อาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดก่อนลงแช่ 2.การลงแช่น้ำพุร้อนเค็มครั้งแรก ให้เริ่มโดยการแช่ขาทั้งสองข้างไปก่อน และใช้น้ำลูบแขน ลำตัว เพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ ประมาณ 3 นาที 3.ลดระดับตัวลงในน้ำอยู่ระดับเอว รอให้ร่างกายปรับอุณหภูมิประมาณ 2-3 นาที จึงค่อยแช่น้ำในระดับหน้าอก โดยแช่น้ำพุร้อนเค็มรอบละไม่เกิน 10-15 นาที 4.หลังแช่น้ำพุร้อนเค็ม ควรนั่งพักประมาณ 5 นาที ดื่มน้ำสะอาดเพื่อชดเชยการเสียเหงื่อ 5.ขณะใช้บริการ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ ให้รีบขึ้นจากบ่อทันทีพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ 6.ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ควรแจ้ง หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ก่อนลงแช่น้ำพุร้อนเค็ม
อาบน้ำแร่ แช่น้ำเค็ม ได้เวลาเล่นน้ำใสปิ๊งกันแล้ว ที่ ท่าปอม คลองสองน้ำ คืออีกหนึ่งสถานที่ Unseen แต่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของกระบี่ชนิดที่ว่าใครมาเที่ยวกระบี่แล้วน้อยคนนักที่จะพลาด
จากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 34 กิโลเมตร บนเส้นทางถนนหลวงหมายเลข 4 (กระบี่-อ่าวลึก) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 126 เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงป่าพรุท่าปอม เป็นป่าที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติสวยงามมาก มีต้นกำเนิดจากแอ่งน้ำช่องพระแก้ว ซึ่งเป็นน้ำจืดใสสะอาดจนมองเห็นพื้นดินใต้น้ำและรากไม้ป่าหลุมพี ไหลมาบรรจบกับป่าโกงกางสู่ทะเลซึ่งเป็นน้ำเค็ม เป็นที่มาของฉายา ‘คลองสองน้ำ’
ความโดดเด่นของคลองแห่งนี้คือน้ำใสราวกระจก แม้ไม่สะท้อนกับท้องฟ้าก็ยังมองเห็นเป็นสีเขียวมรกต เนื่องจากมีสารละลายหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอร์เนตและกำมะถันปนอยู่มาก เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งระบบนิเวศแบบป่าพรุน้ำจืด แบบพื้นที่ชุ่มน้ำ แบบป่าดิบ และแบบป่าชายเลน จึงเป็นที่อยู่อาศัยของทั้งปลาน้ำจืดและน้ำกร่อย
ข้างในมีทางเดินศึกษาธรรมชาติทำด้วยไม้ระแนง บางช่วงมีเก้าอี้ไม้ให้นั่งพักดื่มด่ำกับทัศนียภาพสองข้างทาง ค่าธรรมเนียมสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท บางจุดลงเล่นน้ำได้ด้วย
- ได้อร่อยรสกระบี่
ปรนนิบัติร่างกายให้ผ่อนคลายแล้วจะลืมกินอาหารดีๆ จากร้านอร่อยของกระบี่ไม่ได้ อันที่จริงในกระบี่มีร้านอร่อยมากมาย หลากหลายประเภทอาหาร แต่กับบางร้านมาพร้อมความทรงจำดีๆ อย่างร้านแรก เขาทอง เทอร์เรสต์ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวท่าเลน ใกล้ท่าเทียบเรือท่าเลน ตำบลเขาทอง ก่อนจะกล่าวถึงร้านแค่มองออกไปที่หน้าร้าน คือ อ่าวท่าเลน ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดพายเรือคะยักที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งระดับโลก เพราะบริเวณนี้ยังมีความสมบูรณ์ของป่าโกงกาง ภูเขาหินปูน หินงอกหินย้อยที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเที่ยวพักผ่อนชมธรรมชาติอย่างสงบ ไม่วุ่นวาย
ยิ่งยามเย็นที่ดวงอาทิตย์จะลับฟ้า ที่นี่มีมุมพาโนรามางดงามราวกับภาพวาดฝีมือจิตรกรชั้นครูซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
สำหรับอาหารของร้านนี้ มีตั้งแต่อาหารพื้นเมือง อาหารสไตล์ฟิวชั่น ไปจนถึงอาหารทะเลสดๆ ที่ใช้วัตถุดิบมาจากชาวประมงพื้นบ้านละแวกนั้น รับรองในเรื่องความสด ใหม่ และใช้ผักปลอดสารพิษ ส่วนเรื่องรสชาติคงไม่ต้องพูดอะไร เพราะมัวแต่กินอย่างขะมักเขม้น
จากร้านวิวมุมสูงมาที่ร้านบรรยากาศบ้านๆ แต่รายล้อมด้วยป่าโกงกางและวิถีชีวิตชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน อย่างร้าน คลองกรวดซีฟู้ด ที่ต้องบอกว่าเจ้าของร้านทำด้วยใจ ทำเอามัน แต่รสชาติกับคุณภาพดันเป็นสุดยอดแห่งความประทับใจ
ร้านหน้าตาบ้านๆ ที่มีที่นั่งไม่มากไม่น้อย แถมยังไม่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมาย แต่ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ ทั้งหน้าตา ปริมาณ และรสชาติ ต้องยกนิ้วให้แม้เมนูนั้นจะเป็นแค่อาหารทะเลสด นำมานึ่ง เผา อย่างง่ายๆ เพราะด้วยสดใหม่และน้ำจิ้มอร่อยมากช่วยชูโรงให้อาหารทะเลที่มีเกลื่อนกระบี่กลายเป็นมื้อแสนวิเศษ
หรือจะเป็นเมนูต้ม ผัด แกง ทอด ก็ถึงพริกถึงขิง ไม่อ่อนข้อให้คนเมืองซึ่งเป็นอย่างนี้ดีแล้ว รักษาอัตลักษณ์ของรสชาติเดิมเอาไว้ คนจะมากินต้องมากินที่ความอร่อยแบบนี้ ด้วยความอร่อยแบบนี้ทำให้แนะนำเมนูพิเศษให้ไม่ได้ เพราะอร่อยทุกอย่างจริงๆ
ปิดท้ายด้วย พรานทะเลซีฟู้ด อีกร้านบรรยากาศกันเอง แม้ไม่ติดทะเลแต่รับรองความสดใหม่ของวัตถุดิบเพราะครอบครัวของเจ้าของร้านมีกิจการเรือประมงเอง แน่นอนว่าเมนูแนะนำที่เจ้าของร้านภูมิใจนำเสนอคือ ชุดพรานทะเลซีฟู้ด ประกอบด้วยหลากหลายอาหารทะเลสด ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา หมึก นำมาเผาเพื่อให้รสชาติดั้งเดิมไม่เสียไป กินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้านที่ออกหวานนิด เปรี้ยวหน่อย
สำหรับน้ำจิ้มเดียวกันนี้ ทางเจ้าของร้านแนะนำว่าถ้ากินคู่กับปูดองน้ำปลา เมนูใหม่ล่าสุดของร้าน จะติดใจจนต้องร้องขอข้าวเพิ่ม
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนู เช่น หมึกผัดกระเทียม, ข้าวอบสับปะรด, ปลากะพงนึ่งบ๊วย, ยำไข่แมงดาทะเล
ก่อนจะมาเป็นร้านพรานทะเลซีฟู้ด เคยเป็นร้านน้ำชามาก่อน จนถึงเมื่อ 3-4 ปีก่อน เป็นจุดเปลี่ยนให้มาทำร้านอาหารทะเล โดยเน้นใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ส่วนมากรับมาจากชาวบ้านโดยตรง
- ได้ลัดเลาะเกาะกระบี่
สุขภาพกายดีทั้งจากสิ่งแวดล้อมและอาหาร ถึงคิวของสุขภาพใจที่ต้องอิ่มเอิบและเบิกบาน วิธีจรรโลงหัวใจที่ได้ผลดีหนีไม่พ้น ‘การเที่ยว’ เพราะมาถึงกระบี่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกทั้งทีจะนั่งเฉยๆ หรืออยู่แต่ในที่พักไม่ได้ ต้องออกรับไอแดด ไอทะเล และที่หมายคราวนี้คือ เขากาโรส หรืออีกชื่อคือ ‘เกาะกาโรส’
กาโรส มาจากภาษายาวี แปลว่าไม่สวย น่าเกลียด ภูตผี จึงเป็นที่มาของฉายาเกาะแห่งนี้ว่า ว่า ‘หุบผาปีศาจสองอารมณ์’ ที่มาของฉายานี้คือประติมากรรมทางธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาหินของเขากาโรส เกิดจากการกัดกร่อนของกระแสลม สายฝน และสายน้ำมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นผาหน้าตาคล้ายปีศาจ ในแต่ละช่วงเวลาของวันใบหน้าของปีศาจจะเปลี่ยนแปลงไปคล้ายว่ามีชีวิต ในตอนเช้าใบหน้าของปีศาจจะมีสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย แต่จะกลับมาปรากฏรอยยิ้มอีกครั้งเมื่อแสงแดดยามบ่ายสาดส่องมากระทบ ซึ่งนอกจากใบหน้าของปีศาจแล้ว บริเวณไม่ห่างจากนั้น ถ้าสังเกตให้ดีจะพบกับรูปผีตาโขนและรูปแม่มดสีดำบนก้อนหินสีขาวขนาดใหญ่ที่กำลังจ้องมองผู้มาเยือนอีกด้วย
นอกจากนี้ที่เขากาโรสยังมีภาพเขียนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณอายุราว 3,000 – 5,000 ปี อยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะหรือแหลมท้ายแรด ภาพเขียนอยู่ในระดับไม่สูงนัก เป็นภาพเขียนด้วยสีแดงทั้งหมด ลักษณะเป็นโครงร่างระบายสีทึบ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ รูปลักษณ์ที่เป็นคนและสัตว์ และรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นรูปร่างของคนและสัตว์ ทั้งหมด 6ภาพ
ถึงท้องทะเลจะกว้างใหญ่และทะเลกระบี่มีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ แต่หมุดหมายต่อไปที่เราเลือกคือ เกาะจำ เกาะที่หลายคนไม่รู้จัก แต่พอได้ลองไปแล้วจะหลงรักและ ‘จำ’ ไม่มีวันลืม
เกาะจำ เป็นหนึ่งในเกาะของจังหวัดกระบี่ อยู่ในพื้นที่อำเภอเหนือคลอง ห่างจากชายฝั่งเพียง 22 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีชุมชนท้องถิ่นอาศัยอยู่มาช้านาน บนเกาะประกอบไปด้วย 3 หมู่บ้านคือ หมู่บ้านเกาะปู หมู่บ้านเกาะจำ และหมู่บ้านติงไหร ทุกหมู่บ้านล้วนเป็นชุมชนเล็กๆ ที่เงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร มีน้ำใจไมตรี และบนเกาะแห่งนี้มีทัศนียภาพสวยงาม มีชายหาดยาวหลายแห่ง น้ำทะเลใสสะอาด ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติ
เกาะจำมีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เกาะปู’ อันที่จริงทั้งสองชื่อคือคนละพื้นที่กัน อย่างเกาะจำหมายถึงพื้นที่ช่วงกลางไปจนถึงทางใต้สุดของเกาะ ส่วนเกาะปูคือพื้นที่ตอนเหนือของเกาะที่ถูกคั่นด้วยคลองคล้า มีเรื่องเล่าขานว่า เดิมเกาะแห่งนี้เรียกว่าเกาะปู ส่วนเกาะจำเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ (ปัจจุบันเรียกว่าเกาะจำนุ้ย) เดิมทีมีหมู่บ้านชาวเลอยู่บนเกาะจำนุ้ย แต่ได้เกิดโรคระบาด ชาวเลจึงอพยพมาอยู่ทางตอนใต้ของเกาะปูและเรียกบริเวณใหม่ที่ย้ายไปอยู่ว่าเกาะจำ ทำให้เกาะนี้มีสองชื่อโดยปริยาย
ด้วยระยะทางไม่ไกลจากฝั่งทำให้การเดินทางไปยังเกาะจำง่ายดายและรวดเร็ว ที่สะดวกสุดคือมาลงเรือที่ท่าเรือแหลมกรวด อำเภอเหนือคลอง ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือขนาดเล็กที่มีเรือไปยังเกาะทางตอนใต้ของกระบี่ อาทิ เกาะจำ เกาะศรีบอยา หรือเกาะลันตาก็ได้เช่นกัน ที่นี่จะมีเรือประจำทางให้บริการไปเกาะจำ โดยเรือจะมาจอดที่ท่าเรือบ้านเกาะจำและท่าเรือบ้านเกาะปู มีทั้งเรือหางยาวและเรือใหญ่ที่ขนรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วยได้
เรือโดยสารจะมาจอดทางฝั่งตะวันออกของเกาะ ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่อยู่รวมกันทั้งคนไทยพุทธ ไทยมุสลิม และไทยเชื้อสายจีน นอกจากนั้นยังมีโรงเรียน ตลาดและร้านค้าร้านอาหารมากมาย เพียงแค่มาถึงก็เดินเที่ยวในย่านชุมชน เลือกซื้อของที่ระลึกหรือสั่งอาหารและเครื่องดื่มตามร้านต่างๆ กันเพลินๆ
ส่วนอีกฝั่ง (ตะวันตก) เป็นที่ตั้งของรีสอร์ท มีหลายราคาตั้งแต่ราคาย่อมเยาไปจนถึงราคาแพง ที่รีสอร์ทมากมายมาอยู่ฝั่งนี้เพราะหันออกสู่ทางทะเลอันดามันมีหาดทรายยาวตลอดตั้งแต่หัวเกาะลงมาถึงท้ายเกาะ
ชายหาดที่ยาวที่สุดอยู่ทางด้านล่างสุดของเกาะ มีชื่อว่า หาดยาว หรือ Long Beach มีความยาวประมาณ 3.5 กิโลเมตร เต็มไปด้วยรีสอร์ทและร้านอาหารหลากหลายแห่ง เหนือขึ้นไปคือ หาดโกลเดนเพิร์ล เหนือขึ้นไปอีกคือ หาดติงไหร ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ต้นสูงใหญ่ร่มรื่น ส่วน หาดลูโมะ อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะและอยู่ในพื้นที่ส่วนที่เรียกว่าเกาะปู
ความเงียบสงบของเกาะจำทำให้เราหลงลืมไปเลยว่าเคยเหนื่อยล้ามาจากสารพัดปัญหาอะไรบ้าง เพราะการมากระบี่ครั้งนี้ได้ทั้งฟื้นฟูสุขภาพ ได้เพิ่มพลังกาย และได้เยียวยาหัวใจ