ตะวันฉายแสงที่ Woo แกลลอรี

ตะวันฉายแสงที่ Woo แกลลอรี

อดีตอันงดงามของ “หม่อเส้ง” ร้านขายนาฬิกาและบ้านพักของ นายหงอเลียดฉ่าน บนถนนถลาง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อ 103 ปีกลับมาฉายชัดอีกครั้ง ใน หวู แกลลอรี และบูทีค โฮเต็ล ดังอรุณรุ่ง หรือ ตะวันฉาย อันเป็นความหมายของชื่อ “หม่อเส้ง”

k2

หวู แกลลอรี และบูทีค โฮเต็ล แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนแกลลอรี และโรงแรมซึ่งเชื่อมต่อกันตามรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสที่พบในภูเก็ต ปีนัง และมะละกา ที่มีหน้าบ้านแคบแต่พื้นที่ลึกยาวไปจนถึงด้านหลัง กล่าวได้ว่ามีหน้าบ้านติดถนนทั้งสองด้านก็ว่าได้ ในกรณีของหวูแกลลอรี ก็เช่นกัน

เผด็จ วุฒิชาญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของบ้านหม่อเส้ง บอกกับเราถึงที่มาของชื่อ หวู ว่ามาจากแซ่ หงอ นภาษาจีนฮกเกี้ยน ในขณะที่จีนกลางเรียกว่า หวู

 ส่วน วุฒิชาญ เป็นนามสกุลที่ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ตั้งให้ด้วยการนำเอาเสียงชื่อและแซ่ของนายหงอเลียดฉ่านมารวมไว้ด้วยกันร้านขายนาฬิกาหม่อเส้งดำเนินกิจการเรื่อยมาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจซบเซา จึงปิดตัวลง หลังจากเจ้าของบ้านเสียชีวิต ลูกชาย (ชื่อ เขียว ดำ แดง ยกเว้นพ่อคุณเผด็จที่มีใบหน้าเข้มคล้ายแขก จึงได้ชื่อว่า บัง) และลูกสาว แต่งงานมีครอบครัว บ้านหลังนี้จึงเปิดให้ร้านขายผ้าเช่า จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คุณเผด็จได้ทำการซ่อมแซมอาคารหลังเก่าขึ้นมาพร้อมกับคืนภาพชีวิตในวันวานกลับคืนมาอีกครั้ง

วิถีชีวิตของคนภูเก็ตเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เล่าขานผ่านเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักหรูหรา เครื่องกระเบื้องแจกันเครื่องแก้วสมัยวิคตอเรียนที่เรียกกันว่า “ไหมฟ้า” ซึ่งนิยมมอบเป็นของขวัญในวันแต่งงาน รองเท้าลูกปัดที่ลูกสาวต้องปักเองสำหรับสวมใส่ในวันแต่งงาน ผ้านุ่งสีสวยที่เขียนลายเทียนด้วยมือ ภาพถ่ายของครอบครัว

DSC03954

รองเท้าลูกปัดที่ลูกสาวต้องปักเองสำหรับสวมในวันที่เป็นเจ้าสาว

DSC03971

เครื่องวัดแดด (Stadimeter)

รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยที่ติดต่อค้าขายจากต่างประเทศ เช่น เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นแรกที่มีฟอนต์จุฬาลงกรณ์ เครื่องคิดเลขของชาวตะวันตกที่วางเคียงลูกกับลูกคิดของชาวจีน เครื่องวัดแดด (Stadimeter) หรือ GPS สำหรับระวางแผนที่ วิทยุ นาฬิกา และหลอดเสียงแบบสมัยโบราณ จัดแสดงในสภาพสมบูรณ์สวยงาม

เสน่ห์ของหวูแกลลอรี คือ เจ้าของบ้าน คือ คุณเผด็จและภรรยา คือ คุณนวพร จะเป็นผู้นำชมด้วยตนเอง ด้วยความตั้งใจที่จะให้เรื่องราวและความสำคัญของสิ่งของจัดแสดงฉายชัดความสำคัญขึ้นมาอีกครั้ง

เราจึงขอเรียกแกลลอรีแห่งนี้ว่า ตะวันฉายที่หวู่แกลลอรี รุ่งอรุณของบ้านหลังนี้งดงามน่าชมยิ่ง

ep

อีเปินฮั้ว : แจกันไหมฟ้า

Epergne หรือที่ชาวฮกเกี้ยนลูกผสม “บาบ๋า” เรียกว่า อีเปินฮั้ว มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า ไหมฟ้า

ไหมฟ้า เป็นแจกันแฮนด์เมดที่เกิดจากการเป่าแก้ว โดยช่างผู้ชำนาญ มีรูปทรงและสีสันที่หลากหลาย

ไหมฟ้า ประกอบไปด้วยฐาน Epergne Base มีลักษณะเป็นอ่างทรงกลมมีจีบหรือไม่มีจีบ มีรูปทรงเป็นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ไปจนถึงหกเหลี่ยม หรือ อาจเป็นเพียงแผ่นกระจกธรรมดา ทำหน้าที่รองรับช่อแก้ว

Center Trumpet ใช้เรียกช่อที่อยู่ตรงกลาง ไหมฟ้าบางชุดมีเพียงแค่ Base กับ Center Trumpet

ส่วนดอกที่อยู่รอบๆเกิดจากการดัดแก้วที่เป่าให้มีความโค้งงอ เรียกว่า Side Trumpet ในไหมฟ้าแต่ละชุดควรมีอย่างน้อยสองดอกขี้นไป

ก้านแก้วที่ดัดเป็นเกลียวรอบแล้วม้วนเปลายโค้งงอคล้ายเถาวัลย์ เรียกว่า Basket Stick ตระกร้าที่ใช้แขวนเรียกว่า Hanging Baskets

ความหรูหราอลังการของไหมฟ้าขึ้นอยู่กับช่างจะสร้างสรรค์ขึ้นมา สมัยโบราณใช้ประดับบนโต๊ะอาหารในพระราชวัง คฤหาสน์ใหญ่ รวมถึงบ้านคหบดีในจังหวัดแถบอันดามัน รวมถึงภูเก็ตด้วย

ที่มา : หวู แกลลอรี และ บูทีค โฮเต็ล

หมายเหตุ : หวูแกลลอรี และบูทีค โฮเต็ล มีค่าเข้าชมสำหรับคนไทย 100 บาท นักเรียน,นักศึกษา 50 บาท ส่วนห้องพักมี 12 ห้อง เฟซบุ๊ค Woo Gallery & Boutique Hotel โทร 076 353 719