ทฤษฎีแห่งความสุข : สุข ... การเงินการเกษตร โดย ธันย่า - ธันยลักษณ์ พรหมมณี

"เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง" พระราชดำรัสอันเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยปัญญาของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ยังคงเป็นหลักคิดที่ทรงคุณค่าและร่วมสมัยสำหรับการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและสังคมไทย

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ธันย่า มีโอกาสไปร่วมงาน "ตลาดเศรษฐกิจพอเพียง : รู้ก่อนทำเกษตร" ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดปทุมธานี บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคักและอบอุ่น ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ผู้รักการเกษตรจากหลากหลายพื้นที่ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และเลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากเกษตรกร

ในสถานการณ์สงครามทางเศรษฐกิจ สงครามทางชีวภาพ และสงครามทางด้านความคิดที่โลกต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และความผันผวนของห่วงโซ่อุปทาน การรักษาที่ดินทำกินจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะดินไม่เพียงเป็นแหล่งเพาะปลูก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และเป็นรากฐานที่หล่อเลี้ยงชีวิตของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตกาล ข้าว เนื้อหมู ปู ปลา เป็ด ไข่ไก่ ผัก และผลไม้ คืออาหารที่ค้ำจุนประชากรทั้งประเทศ และยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ระบบนิเวศ ตลอดจนภูมิศาสตร์ของการเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ต้นน้ำ กลางดิน ปลายลม และแสงแดด จนถึงชั้นอากาศที่เราหายใจ

ทุกปัจจัยล้วนส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและราคาสินค้าในตลาด โดยเฉพาะภาคการเกษตร ซึ่งเป็นทั้งรากฐานและวิถีชีวิตของประเทศไทย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรม การดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจึงไม่เพียงเสริมสร้างความมั่นคงในระดับบุคคลและสังคม หากยังนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และรายงานของธนาคารพัฒนาเอเชีย ปี 2567 ยืนยันว่า ภาคเกษตรกรรมของไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอนาคตของการเกษตรไทยจะมุ่งสู่การเป็น "เกษตรคุณภาพ" ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และระบบเกษตรอัจฉริยะ อาทิ การวิเคราะห์คุณภาพดิน การวางแผนจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมศัตรูพืช ไปจนถึงการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการกระจายสินค้าอย่างทั่วถึง

ในกระบวนการนี้ "การเงินการเกษตร" มีบทบาทสำคัญในฐานะกลไกสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ การปรับปรุงประสิทธิภาพของผลผลิต การเพิ่มช่องทางการตลาด หรือการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนช่วยยกระดับเกษตรกรไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตคุณภาพสูง ซึ่งสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของอาหาร

ประเทศไทยในฐานะประเทศเกษตรกรรม ที่ประชากรกว่าครึ่งหนึ่งยังคงประกอบอาชีพในภาคเกษตร การพัฒนาภาคการเกษตรจึงเป็นการพัฒนาที่มีนัยสำคัญ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ

ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประเทศไทยมีประชากร ณ ปี 2567 รวมทั้งสิ้นประมาณ 66,052,615 คน แบ่งเป็นเพศชาย 32,224,008 คน และเพศหญิง 33,828,607 คน ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีครัวเรือนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนแล้วจำนวนประมาณ 7,686,320 ครัวเรือน และตามข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปีเดียวกัน มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนทั่วประเทศประมาณ 8,832,948 ราย

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงข้อมูลเชิงสถิติ หากแต่สะท้อนพลังของผู้คนที่ยังคงยืนหยัดอยู่กับผืนดิน ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ถ่ายทอดความอุดมสมบูรณ์จากรุ่นสู่รุ่น และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารของเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรกรไทยให้เติบโตอย่างสมดุลควบคู่ไปกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

แล้วพบกับธันย่า และ "ทฤษฎีแห่งความสุข" ได้ใหม่ ทุกวันจันทร์ที่สองของเดือนในกรุงเทพธุรกิจฉบับตีพิมพ์และทางออนไลน์